สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เที่ยวบาหลี

เที่ยวบาหลี

                                         

เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย

 

บาหลี  เกาะสวรรค์   ที่ยังรักษารากเง้าแห่งวัฒนธรรมเอาไว้อย่างแข็งแกร่ง และสืบทอดขนบประเพณีต่อเนื่องกันมายาวนาน ภาพหญิงสาวที่เดินทูนเครื่องเซ่นไว้บนศีรษะ เดินเรียงรายไปยังวัดที่มีหลังคาซ้อนกันหลายชั้นดังจะไปให้ถึงสุดปลายฟ้า สายน้ำใสในหมู่แมกไม้และอากาศบริสุทธิ์ สปาท่ามกลางทุ่งนาเขียวขจี

        บาหลีเป็นเกาะที่มีความสวยงามด้วยธรรมชาติที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวกับวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใคร  ซึ่งได้สืบทอดต่อกันมาเป็นเวลานับพันปี  มีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมเป็นจำนวนมาก  เช่น  วัดและวัง ซึ่งมีความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรม  รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ  และการดำเนินชีวิตของคนบาหลีด้วยวิธีการกสิกรรมแบบดั้งเดิม  

          บาหลีคือหนึ่งในจำนวนเกาะกว่าหมื่นเกาะของอินโดนีเซีย  ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเกาะชวาใต้จากเส้นศูนย์สูตร  8 องศา  มีฐานะเป็นรัฐมีผู้ปกครองของตนเองนอกจากนี้ยังเป็นเกาะสุดท้ายทางฝั่งตะวันออกที่มีสภาพแวดล้อมเป็นแบบป่าฝนของเอเชีย  เนื่องจากเกาะอื่นที่อยู่ถัดจากบาหลีไปจะได้รับอิทธิพลและมีลักษณะสภาพแวดล้อมเป็นแบบออสเตรเลียและนิวกินี

          บาหลีเป็นเกาะเล็กๆที่มีพื้นที่เพียง 5,620  ตารางกิโลเมตร  บริเวณที่กว้างที่สุดมีระยะทาง 140 กิโลเมตรและบริเวณที่ยาวที่สุดก็เพียง 80 กิโลเมตรเท่านั้น  แต่ภูมิประเทศของบาหลีกลับมีความหลากหลายมาก  พื้นที่ทางตอนกลางนั้นมีภูเขาไฟเป็นจุดสูงที่สุดของเกาะและยังคุกกรุ่นอยู่คือภูเขาไฟกุหนุงอากุง (Gunung Agung) มีความสูงถึง 3,142 เมตร นอกจากภูเขาสูงแล้วยังมีป่าที่อุดมสมบูรณ์  พร้อมกับหาดทรายขาวละเอียดทอดยาวไปตามชายฝั่ง  ทางตอนใต้เป็นแหล่งปลูกข้าวบนนาบันได  และทางตอนเหนือปลูกกาแฟ เครื่องเทศ  และต้นสลัก

 

ภูมิอากาศ

                ลักษณะอากาศของบาหลีเป็นแบบป่าฝนร้อนชื้น  อุณหภูมิค่อนข้างคงที่คือประมาณ 26 องศาเซลเซียส  และจะมีลมมรสุมประจำปีที่ทำให้เกิดลมและฝนใช่วงเดือนตุลาคมถึงมีนาคมซึ่งอากาศบริเวณภูเขาจะเย็นกว่าอากาศบริเวณชายทะเลประมาณ 5 องศาเซลเซียส

ช่วงเวลาที่ควรไปเยือน

          เวลาที่เหมาะสมในการไปเที่ยวคือระหว่างเดือนเมษายนถึงกันยายนแต่ควรระวังช่วงฤดูท่องเที่ยวของชาวตะวันตก  (โดยเฉพาะชาวออสเตรเลียที่นิยมมาเที่ยวบาหลีกันมาก)  คือช่วงระหว่างกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกันยายน  รวมทั้งช่วงวันหยุดคริสต์มาสและปีใหม่เนื่องจากที่พักจะมีราคาแพงกว่าปรกติและมักจะถูกจองล่วงหน้าจนเต็มหมดทุกแห่ง

ศาสนาและวัฒนธรรม

                ศาสนาประจำของชาวบาหลีคือศาสนาฮินดูที่เรียกว่า  ฮินดูธรรม  (Hindu Dharma)  ซึ่งได้รับอิทธิพลจากชวา  เป็นการผสมผสานกันระหว่างศาสนาฮินดูแบบที่นับถือพระศิวะเป็นใหญ่กับศาสนาพุทธซึ่งแพร่หลายเข้ามาก่อนหน้า  โดยหลักปฎิบัตินั้นได้มาจากปรัชญาอินเดีย  ร่วมกับการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ตามความเชื่อท้องถิ่นการผสมผสานกันนี้เองทำให้ศาสนาฮินดูที่บาหลีแตกต่าจากฮินดูที่อินเดียไปมาก  ชาวบาหลีนั้นเชื่อในธรรมชาติว่ามีพลังและเชื่อในจิตวิญญาณว่าทุกๆ สิ่งจะมีวิญญาณสิงสถิตอยู่นอกจากนี้ยังมีความนับถือในบรรพบุรุษและวิญญาณของผู้ล่วงลับ

เทศกาลและวันสำคัญ

                เทศกาลและงานประเพณีต่างๆ ถือเป็นส่วนสำคัญในชีวิตคนบาหลี  ทุกวัดจะมีงานฉลองทำบุญประจำปี  (Odalan)  อย่างน้อยปีละครั้งโดยชาวบาหลีจะแต่งตัวแบบพื้นเมืองดั้งเดิมสวยงามแล้วจัดเครื่องไหว้เครื่องบูชาไปวัดกัน  โดยฝ่ายหญิงจะเป็นคนทูลของไหว้ไว้บนศีรษะเนื่องจากมีวัดหลายร้อยวัดในบาหลี  จึงแน่ใจได้ว่าในช่วงที่ไปเยือนไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนของปีก็จะมีงานฉลองทำบุญประจำปีของวัดใดวัดหนึ่งเสมอการ

กำหนดวันฉลองและเทศกาลต่างๆ ของบาหลีจะยึดปฎิทินตามจันทรคติ  จึงทำให้วันสำคัญต่างๆ ไม่ตรงกับปฏิทินสากลในแต่ละปีควรสอบถามกันเป็นปีๆไปสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์การท่องเที่ยวบาหลี  www.balitourismauthority.net

เทศกาลสำคัญๆ ได้แก่ 

                วันขึ้นปีใหม่ฮินดู  นีเยปิ  (Nyepi)  เป็นวันที่ชาวบาหลีจะ “เข้าเงียบ”  ไม่มีการประกอบกิจกรรมใดๆทั้งสิ้น  ไม่มีการเดินทางคมนาคม  ไม่มีการก่อไฟหุงหาอาหาร  และไม่มีการละเล่นบันเทิงสนุกสนานใดๆ  โดยจะมีการทำบุญบูชาเทพต่างๆ  กันตั้งแต่วันก่อนหน้า  รวมทั้งมีการประกอบพิธีไล่สิ่งชั่วร้ายออกไปจากบ้านที่อยู่อาศัย

                วันกาลุงกัน  (Galungam)  เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองที่ธรรมะเอาชนะอธรรมได้  จะมีการตั้งเสาไม้ไผ่สูงตกแต่งด้วยทางมะพร้าวสานเป็นรูปต่างๆ  สวยงามไว้หน้าบ้าน  ตั้งศาลเพียงตาวางเครื่องไหว้สักการะสีสดใส  ทั้งขนม  ดอกไม้และผลไม้ที่ประตูบ้าน  ให้บรรพบุรุษที่จะลงมาเยี่ยมจากสวรรค์  ช่วงเวลากาลุงกันจะนาน 10 วัน มีงานฉลองและพิธีทุกวัน

                วันคูนิงกัน(Kuninggan) วันที่สิบสองของเทศกาล เป็นวันส่งวิญญาณบรรพบุรุษกลับสวรรค์จะมีการทำบุญให้ผู้ล่วงลับด้วย

                วันสรัสวตี(Saraswati) เป็นวันฉลองเทวีแห่งความรู้และศิลปะ  หรือพระสุรัสวดีที่เรารู้จักกันนั้นเองเป็นวันที่ทางวัดจะนำหนังสือธรรม  ใบลาน  จารึก  และคัมภีร์พระเวทย์มาทำพิธีสักการบูชา   ส่วนงานพิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคนบาหลีคือ งานเผาศพ จะเป็นงานที่ผู้ร่วมขบวนแห่งศพแต่งกายงดงามมีสีสัน  บริเวณที่จัดงานเผาศพจะทำเป็นรูปสัตว์แต่งสีปิดทองสวยงาม  ถ้าผู้ตายมีตำแหน่งหน้าที่หรือยศศักดิ์สูง  โลงรูปสัตว์ก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นและหรูหรามากขึ้น

ภาษา

                แม้ภาษาทางการของบาหลีคือภาษาอินโดนีเซียเช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ ในประเทศแต่ชาวบาหลีก็มีภาษาบาหลีเป็นของตัวเองซึ่งนอกจากจะพูดต่างกันแล้วยังมีตัวอักษรใช้เขียนของตนด้วย ภาษาบาหลีมี 3 ระดับ  คือ  แบบไม่เป็นทางการจะใช้พูดกับคนแปลกหน้า  และราชาศัพท์ใช้กับราชวงศ์ชั้นสูงและนักบวช

คำภาษาบาหลีที่ควรรู้

ภาษาไทย                              อินโดนีเซีย                           บาหลี

สวัสดีตอนเช้า                      Selamat pagi                        Om   Swastyastu

(ถึง 10.00 น.)

สวัสดีตอนกลางวัน             Selamat siang                      Om   Swastyastu

(ถึง 15.00 น.)                     

สวัสดีตอนบ่าย                     Selamat sore                        Om  Swastyastu

(15.00-18.00 น.)

ราตรีสวัสดิ์                            Selamat malam                   Om  swastyastu

สบายดีหรือ?                         Apa kabar?                           Sapunapigatrane?

สบายดี                                   Baik-baik saji                      Baik-becik manten

ราคาเท่าไหร่?                       Berapa harganya?               Aji kudi ajine?

ขอบคุณ                                 Terima kasih                       Matur suksma

ขอโทษ                                  Permisi                                  Newagang

น้ำ                                           Air                                          Yeh/Toya

อาหาร                                    Makanan                               Ajengan

ชื่อและวรรณะ

                สังคมของบาหลีเป็นสังคมแบบฮินดู มี 4 วรรณะเช่นเดียวกับอินเดีย  คือ  พราหมณ์ กษัตริย์  แพศ  และศูทร  แต่ไม่ถือแบ่งแยกวรรณะอย่างเคร่งครัดและไม่สงวนสิทธิ์ที่จะได้รับโอกาสในการทำงานเท่าเทียมกัน  ยกเว้นในการแต่งงานกับผู้ชายในวรรณะศูทร  และคนที่อยู่ในวรรณะพราหมณ์เท่านั้นจึงจะเป็นนักบวชผู้ประกอบพิธีทางศาสนาได้

                ในการตั้งชื่อคน  แต่ละวรรณะก็จะมีชื่อนำหน้าที่ใช้เฉพาะวรรณะของตนโดยไม่ปะปนกันเป็นตัวบ่งบอกชาติตระกูลไปโดยปริยาย  แล้วจึงจะมีชื่อตัวตามอีกที

                ถ้าชื่อนำว่า  อิดา  บากุส  หรืออิดา  อายุ  จะอยู่ในวรรณะพราหมณ์  พวกวรรณกษัตริย์มักจะมีคำนำหน้าว่า  อนัก  อากุง  หรือเทวะ  อายุ  หรือ  จอกอร์ดา  ส่วนวรรณะแพศย์นิยมใช้ชื่อ  อิ  กุสติ

                พวกวรรณะศูทรจึงเป็นชนกลุ่มใหญ่ที่สุดของเกาะ  จะมีวิธีตั้งชื่อโดยเฉพาะคือ  ลูกคนแรกจะชื่อวายัน  คนที่สองชื่อมาเด  คนที่สามชื่อเนียวมัน  และคนที่สี่ชื่อเกตุ้ด  หากมีคนที่ห้า  หก เจ็ด  แปด  ก็จะวนชื่อไปอีกรอบหนึ่ง  ดังนั้นจึงมีคนชื่อซ้ำๆ กันมาก  ต้องถามชื่อสกุลหรือชื่อตัวประกอบด้วยเสมอ

 

การแสดงและร่ายรำ

                การร่ายรำและการแสดงต่างๆ มีบทบาทสำคัญในสังคมขอชาวบาหลีมาเป็นเวลานานเป็นวิธีอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้คนได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ เช่น  รามายนณะ  มหาภารตะ  เป็นต้น

                การร่ายรำที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก  และสามารถหาชมได้ทั่วไปในงานบาหลีมีดังนี้

                เลกอง (Legong)  เป็นการแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าหญิงรังคสารีที่ถูกจับโดยกษัตริย์ลักษม์ทำให้พระเชษฐาของพระองค์คือเจ้าชายดาหาเสด็จมาช่วยและเกิดการต่อสู้กัน  ลักษณะการร่ายรำงดงาม  เชื่องช้า  เนิบนาบ  โดยใช้เด็กหญิง 3 คน เป็นตัวแสดง  ซึ่งเด็กหญิงนั้นจะต้องมีหน้าตางดงามและถูกฝึกมาเป็นอย่างดี  ผู้แสดงรำเลกองแบบดั้งเดิมนั้นจะต้องเป็นเด็กหญิงที่จะต้องยังไม่มีประจำเดือนเท่านั้น  ในอดีตนางรำเลกองมักจะกลายเป็นชายาของเจ้าเมืองหรือราชวงศ์เมื่อศิลปินผิวขาวเข้ามาก็มักนิยมใช้นางรำเลกองเป็นแบบวาดภาพหรือปั้นหุ่น  แล้วก็ได้เป็นภรรยาในที่สุดเช่นกัน

                สังหยาง  หรือระบำลุยไฟ  (Sanghyang Trance  Dance  หรือ  Frie  Dance)  เป็นการร่ายรำที่เกิดขึ้นด้วยการเชิญวิญญาณมาเข้าร่างของผู้รำ  คล้ายการรำแม่ศรีของไทย  โดยจะใช้เด็ก 2 คนที่ไม่เคยเรียนรำมาก่อน  แต่เมื่อร่างถูกเข้าทรงแล้วกลับร่ายรำได้และรำอย่างพร้อมเพรียงแม้จะปิดตาอยู่  ในบางครั้งจะเป็นระบำขี่ม้าลุยไฟการแสดงจะสิ้นสุดเมื่อนักบวชเป็นผู้ทำพิธีอัญเชิญอกจากร่าง

                ระบำบารอง  (Barong @  Rangda) เป็นการแสดงที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวเพราะมีการจัดให้ชมเป็นประจำ  เรื่องราวจะเกี่ยวการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายดีและปีศาจ บารอง ตัวแทนฝ่ายดีเป็นคนครึ่งสิงห์  ส่วนรังดา มารร้าย เป็นพ่อมดหมอผีฝ่ายอธรรม  มีผู้แสดงประกอบเป็นสมุนของทั้งสองฝ่ายอีกหลายตัว  ซึ่งจะต่อสู้กันจนฝ่ายธรรมะได้รับชัยชนะในที่สุด

                ระบำคะชัก  หรือระบำลิง  (Kecak)  ระบำคะชักนี้เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงที่สุดในบาหลี  เป็นการตัดตอนมาจากรามายนะ (รามเกียรติ์) เล่าเรื่องราวของพระรามกับพลว่าวานรที่ตามไปช่วยนางสีดาจากราวันนา  (หรือทศกัณฐ์) ใช้คนแสดงเป็นจำนวนมาก  โดยผู้ที่แสดงเป็นพลลิงจะนุ่งผ้าตาหมากรุก เปลือยท่อนบน  ทัดดอกชบาแดงข้างหูนั่งล้อมวงซ้อนๆ กัน 4-5 ชั้น  และโบกมือมือขึ้นลงโยกตัวไปมา  ปากก็ร้องคะชัก คะชัก  เป็นเสียงสูงต่ำแทนเครื่องดนตรีประกอบ  โดยตัวเอกต่างๆ จะเดินร่ายรำไปมาในวงตรงกลางระหว่างพลลิงเหล่านั้น

                บาริส  (Baris)  เป็นการแสดงเกี่ยวกับการเตรียมตัวออกศึก  ซึ่งใช้คนแสดงเป็นผู้ชายประมาณ 1-5 คนขึ้นไป  ผู้รำจะแสดงออกถึงควมรู้สึกขณะทำสงคราม  เช่น  โกรธ  ฮึกเฮิม  หวาดหวั่น  เศร้าสร้อย  เป็นต้น  ผู้ที่แสดงได้ต้องมีความสามารถสูง  เนื่องจากต้องใช้สีหน้าท่าทางแสดงออกมาเพื่อสื่อให้ผู้ชมรู้สึกตามไปด้วย

                ระบำผึ้ง  (Oleg  Tambulilingan)  เป็นระบำที่สวยงาม  สนุกสนาน ด้วยเป็นเรื่องราวของการเกี้ยวพาราสีของผึ้งหนุ่มสาวในสวนรักผู้แสดงระบำผึ้งฝ่ายหญิงจะต้องมีความสามารถมาก  ทั้งรำสวยและแสดงออกอย่างยั่วยวนด้วยท่าทางและดวงตา

                ระบำหน้ากาก  (Topeng Dance)  ที่บาหลีหน้ากากถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์  ผู้ที่สวมหน้ากากจะต้องสวมวิญญาณของตัวนั้นๆ  จะไม่มีบทพูดแต่แสดงออกด้วยท่าทาง  คือใช้มือ  ศรีษะ  และร่างกาย  มักเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเทพนิยายหรือตอนใดตอนหนึ่งจากประวัติศาสตร์

                เคบยาร์  (Kebyar)  คือการร่ายรำผสมกับการเล่นดนตรี  ผู้รำจะนั่งรำกับพื้น  โดยมีฆ้องรางอยู่ตรงหน้า  ทำการรำและเล่นฆ้องสลับกันไป  โดยใช้พัดเป็นเครื่องประกอบการร่ายรำที่ใช้มือแสดงกับการเล่นตาที่เห็นได้อย่างเด่นชัด  ผู้รำมักจะเป็นผู้ชาย

                วายังกุลิต  (Wayang  Kulit)  เป็นการแสดงหุ่นเชิดฉายเงาบนจอคล้ายหนังตะลุง  ประกับเครื่องดนตรี  4  ชิ้น เป็นเรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมาของชาวชวาและชาวบาหลี  ใช้หุ่นกว่า 60 ตัวผู้ที่พากย์จะต้องมีความชำนาญในกาใช้ภาษาเนื่องจากฝ่ายดีจะใช้ภาษากาวีซึ่งเป็นภาษาโบราณในขณะที่ฝ่ายผู้ร้ายใช้ภาษาบาหลีระดับง่ายๆ ดังนั้นผู้พากย์จึงต้องมีความสามารถใช้ได้ทั้ง 2 ภาษา

                กาเมลัน  (Gamelan)  วงดนตรีพื้นเมืองของบาหลี  เครื่องดนตรีส่วนใหญ่เป็นเครื่องตีที่ทำจากทองเหลือง  นักดนตรีมักเป็นผู้ชายล้วนแต่เป็นหญิงล้วนก็มี  โดยชายและหญิงไม่เล่นดนตรีร่วมวงกัน

                ตามโรงแรมชั้นหนึ่งจะมีการแสดงระบำต่างๆ ให้ชม  นอกจากนั้นตามย่านท่องเที่ยวโดยเฉพาะอูบุด  จะมีการจัดแสดงระบำต่างๆ ที่วังประจำเมืองหมุนเวียนกันไป  โดยต้องเสียค่าเข้าชมด้วย  สอบถามวัน  เวลา และสถานที่จัดแสดงแน่นอนได้จากโรงแรมที่พักหรือสำนักงานท่องเที่ยว

 

 

ศิลปะ

                ศิลปะของบาหลีเกิดจากการหล่อหลอมรวมกันของวัฒนธรรมประเพณีอันหลากหลาย  ไม่ว่าจะเป็นจีน  พุทธ  อินเดีย  ฮินดู  ชวา  และโลกตะวันตกรวมกับวัฒนธรรมประเพณีของตนเอง  กลายเป็นศิลปะแบบผสมผสาน  ในสมัยก่อนนักวาดหรือช่างแกะสลักจะทำงานให้กับพระ  นักบวช  และชนชั้นปกครอง  สำหรับใช้ประดับตกแต่งวัดหรือพระราชวังเท่านั้น   และมักจะทำงานในหมู่บ้านไม่ได้ออกแสดงที่ไหน  จนกระทั่งเมื่อศิลปินชาวตะวันตกเข้ามา  ศิลปินชาวบาหลีจึงพัฒนางานของตนเองขึ้นให้เป็นที่รู้จัก

ภาพวาด

                ภาพวาดแบบดั้งเดิมของชาวบาหลีจากหมู่บ้านกามาสัน  (Kamasan ใกล้กับเมืองกลุงกุง) นักวาดภาพหรือที่เรียกว่า  สังกิง  (Sangging)  จะรวมตัวอยู่ในแหล่งเดียวกันนี้  และวาดภาพเพื่อตกแต่งปราสาทราชวังหรือวัดตามการจ้าง  จึงทำให้ศิลปะการวาดภาพแบบกามาสันเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางไปทั่วบาหลี

                สไตล์การวาดภาพของนักวาดแห่งหมู่บ้านกามาสัน  เป็นศิลปะในสไตล์วายังของชวาตะวันออกซึ่งเป็นภาพวาดในลักษณะ  2  มิติ  ส่วนมากจะเป็นรูปคนครึ่งตัว  (portrait) ภาพวาดอีกแบบหนึ่งที่พบได้ทั่วไปคือ  ลังเส  (Langse) เป็นการวาดภาพบนผืนผ้าที่มีความยาวหลายเมตร  แต่มีความกว้างประมาณ  30  เซนติเมตร  มักจะถ่ายทอดเป็นเรื่องราวต่างๆ  โดยใช้ในการติดที่ฝาผนังวัดรวมทั้งในวังด้วย

                การเปลี่ยนแปลงสไตล์ในการวาดภาพของชาวบาหลีเริ่มขึ้นต้นเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยได้รับอิทธิพลจากศิลปะตะวันตก  ทำให้นักวาดลดสไตล์ดั้งเดิมลดลง  และผสมผสานเอาสไตล์ตะวันตกไว้ด้วย  เกิดแนวทางการวาดภาพของกลุ่มปิตามหา  (Pita Maha) ในอูบุด  ซึ่งเป็นแหล่งที่ตั้งแกลเลอรี่และชุมนุมของจิตรกรในปัจจุบัน

งานหินแกะสลัก

                ถึงม้ว่างานหินส่วนมากจะใช้ในการตกแต่งวัดหรือวังเท่านั้น  แต่ในปัจจุบันได้ถูกนำมาใช้ตกแต่งในสถานที่อื่นๆ ด้วย  และกลายเป็นการตกแต่งที่เรียกว่า  “บาหลีสไตล์” การแกะสลักหินเพื่อใช้ในวัดหรือวังนั้นจะมีความแตกต่างกับการแกะสลักเพื่อใช้ตกแต่งอาคารสถานที่  รูปสลักแต่ละชิ้นจะสื่อความหมายต่างกันไป  หากต้องการชมความงามของหินแกะสลักจากยุคก่อน  สามารถหาดูได้ที่วัดซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะเพราะจะสวยกว่าวัดที่อยู่ในแถบอื่นๆ  เช่น  ปุระเมดูวา (Pura Meduwa)  ที่เมืองกุบูตัมบาหาน  ปุระดาเล็ม  (Pura Dalem)  ที่เมืองจักกะราชา  และปุระเบจิ (Pura Beji)  ใกล้กับเมืองสิงคราชา  เป็นต้น  ช่างแกะสลักหินที่มีชื่อเสียงที่สุด  คือ I Gusti Nyoman Lempad ชมงานแกะสลักของเขาได้ที่ปุระชาเก็นอากุง  (Pura Sagen Agung) ในเมืองอูบุด

 

 

งานไม้แกะสลัก

                ในทำนองเดียวกับงานหินแกะสลัก  ในสมัยก่อนงานไม้แกะสลักจะพบที่วัดหรือวัง  แต่ในปัจจุบันได้กลายมาเป็นสินค้าที่คนทั่วไปหาซื้อไปตกแต่งอาคารสถานที่  แต่ก็ยังคงความเชื่อเดิมๆ อยู่บ้าง เช่น จะนำงานไม้แกะสลักรูปเทวรูปไปประดับที่ประตูทางเข้าเพื่อเป็นการป้องกันปิศาจร้าย

ผ้า

                สินค้าพื้นเมืองขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของบาหลีก็คือ  ผ้า  สาวชาวบาหลีสามารถทอผ้าได้เกือบทุกคน  เนื่องจากหน้าที่หนึ่งของแม่ชาวบาหลีก็คือสอนลูกสาวให้ทอผ้า  ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาเป็นเวลานาน

                ผ้าพื้นเมืองของบาหลีมีหลายลักษณะคือ

                อิกัต  (Ikat)  เป็นผ้าในแบบดั้งเดิมของชาวบาหลี  ซึ่งมีกรรมวิธีการทอผ้าแบบโบราณ  ใช้นุ่งเป็นผ้าโสร่งตัวนอก  หรือชุดที่ใส่ในพิธีกรรมสำคัญเท่านั้น

                เกริงซิง  (Geringsing)  เป็นผ้าอิกัตชนิดหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากในบาหลี  ทอในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งชื่อว่าเทงกะนัน  เป็นผ้าที่ทอยากและราคาสูงมาก

                ซองกัต  (Songket)  เป็นวิธีการทอผ้าซึ่งใช้ทองหรือเงินมาทอกับผ้าธรรมดาหรืออิกัตมีความยาวประมาณ 2 เมตร ผู้ชายใช้นุ่งเป็นโสร่งตัวนอก  และผู้หญิงมักใช้เป็นผ้าคลุมเมื่อมีงานเลี้ยงฉลองหรืองานพิธีสำคัญ

                ปราดา  (Prada)  คือผ้าเขียนลายทองในสมัยก่อนใช้ทองจริงๆ  แต่ปัจจุบันใช้สีทองวิทยาศาสตร์วาดลงผ้าโพลีเอสเตอร์  มักใช้ทำพัดลม  ร่ม หรือตกแต่งอาคารสถานที่  และใช้ทำเครื่องแต่งกายของนักแสดงเต้นระบำ  หาซื้อผ้าปราดาได้ที่ตลาดสินค้าหัตถกรรมสุขวาตี

                เปลังกิ  (Pelangi)  เรียกง่ายๆ เป็นภาษาไทยก็คือผ้ามัดย้อมนั้นเอง  ผ้ามัดย้อมที่นี่จะมีลวดลายสวยงามสไตล์บาหลี  และมักทำจากผ้าไหม

                บาติก  (Batik)  ผ้าที่เขียนด้วยขี้ผึ้งเหลวแล้วนำไปย้อมสีให้เกิดลาย  นักท่องเที่ยวมักมาหาซื้อผ้าบาติกที่บาหลี  ซึ่งความเป็นจริงแล้วผ้าบาติกมีกำเนิดจากชวา  และส่วนใหญ่ทำมาจากโรงงานนอกบาหลี

                ซุมบ้า  (Sumba)  ผ้าทอลวดลายแบบพรีมิทีฟจากเกาะซุมบ้า  ของแท้จะมีราคาสูงมากแต่มีของทำเลียนแบบในบาหลีเป็นจำนวนมากและราคาย่อมเยากว่า

เรื่องน่ารู้ก่อนเที่ยวบาหลี

วีซ่า

                สำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยแล้วไม่ต้องขอวีซ่าเพื่อเข้าบาหลี  ใช้เพียงแค่หนังสือเดินทางที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า  6  เดือน  ก็สามารถเดินทางได้ทันที

 

 

หน่วยเงิน/อัตราแลกเปลี่ยน

                หน่วยเงินของบาหลีและอินโดนีเซียเป็นรูเปียห์  (Rupiah)  มีมูลค่าประมาณ  218.5  รูเปียห์ต่อ 1 บาท หรือ 1 เหรียญสหรัฐฯ  จะแลกได้ 8,700  รูเปียห์ (ณ วันที่ 6 พฤษภาคม  ค.ศ. 2004)  ธนบัตรมีมูลค่า  100, 500, 1,000, 5,000, 10,000, 20,000, 50,000, และ 100,000 รูเปียห์ ส่วนเหรียญมีมูลค่า  25, 50, 100, 500, และ 1,000 รูเปียห์ อย่างไรก็ดี  อัตราแลกเปลี่ยนเงินรูเปียห์นั้นผกผันได้อย่างมาก  ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในประเทศอินโดนีเซีย  ดังนั้นจึงตรวจสอบให้ดีอีกครั้งก่อนการเดินทาง  และธนบัตรมูลค่าต่ำกว่าธนบัตร  100  เหรียญสหรัฐฯ

                หากเดินทางออกไปตามหมู่บ้าน  ควรแลกเงินรูเปียห์ออกไปให้เพียงพอที่จะใช้และควรเป็นใบย่อยด้วย  อย่างไรก็ดีร้านขายของที่ระลึกเขตกูต้า  ซานูร์  และนูซาดูอา  มักยอมรับเงินเหรียญสหรัฐฯ  ด้วยเช่นกัน  ขณะเดียวกันเงินสกุลบาทของไทยนั้นก็เป็นที่รับอย่างดีในบาหลีสามารถรับแลกเงินที่ร้านรับแลกเงินใดก็ได้

                อนึ่ง ควรแลกเงินเฉพาะกับธนาคารหรือร้านรับแลกเงินที่ได้รับอณุญาตเท่านั้น

บัตรเครดิต

                บัตรเคดิตเป็นที่ยอมรับทั่วไปของร้านค้า  โรงแรม  และภัตตาคารในย่านแหล่งท่องเที่ยวแต่อย่างไรก็ตามหากเข้าไปตามหมู่บ้านก็ควรจะต้องมีเงินรูเปียห์ด้วย  บัตรเครดิตที่รับคือ  วีซ่ามาสเตอร์การ์ด  และอเมริกัน  เอ็กเพรส  และมีตู้เอทีเอ็มอยู่ทั่วไปบริเวณกูต้าและซานูร์

การติดต่อสื่อสาร

ไปรษณีย์

                ที่ทำการไปรษณีย์เปิดทำการวันจันทร์-เสาร์  โดยวันจันทร์-พฤหัสบดี  เปิดเวลา  8.00-14.00   น.  วันศุกร์  8.00-11.00  น.  และวันเสาร์  8.00-12.30  น. สามารถหาซื้อแสตมป์  ซองจดหมาย  กระดาษเขียนจดหมาย  และอุปกรณ์การส่งพัสดุต่างๆ  รวมทั้งแสตมป์เพื่อการสะสมได้  ในบางเมืองใหญ่แหละแหล่งท่องเที่ยวจะมีไปรษณีย์ของเอกชนเปิดทำการด้วย  ซึ่งสามารถซื้อแสตมป์ส่งจดหมายและพัสดุได้  แต่อาจใช้เวลานานกว่าของทางการเล็กน้อย

                หากต้องการส่งโปสการ์ดหรือจดหมายกลับเมืองไทยต้องติดแสตมป์ราคา  4,000  รูเปียห์  ใช้เวลาประมาณ  5-7  วัน

โทรศัพท์

                โทรศัพท์สาธารณะในบาหลีมีบริการในบริเวณที่เป็นแหล่งความเจริญและแหล่งท่องเที่ยว  เช่น  กูต้า  เดนปาซาร์  และอูบุด  ซึ่งจะเป็นของรัฐ  คือ  Kantor  Telkom  และ  Wartel  Telkom  แต่ก็มีที่เป็นของเอกชนซึ่งเป็นร้านให้บริการ(Teleshop) เช่นกัน

                โทรศัพท์สาธารณะมีบริการทั้งแบบหยอดเหรียญและแบบใช้บัตรโทรศัพท์  โดยแบบหยอดเหรียญสามารถใช้เหรียญ  50  หรือ  100  รูเปียห์  ส่วนบัตรโทรศัพท์ที่จำหน่ายจะมีหน่วยเป็นยูนิตมีตั้งแต่  60, 100, 140, 280, 400, และ  680  ยูนิต  สามารถหาซื้อได้ที่สำนักงานโทรศัพท์  ที่ทำการไปรษณีย์  และเคาร์เตอร์แลกเงินในบางจุด  ค่าโทรศัพท์กลับมาเมืองไทยจะตกอยู่ในราวนาทีละ  10,000  รูเปียร์

                หากจะโทรศัพท์กลับประเทศไทย  จะต้องหมุน  001+66+หมายเลขที่ต้องการ  เช่น  001+66+2972-4266  และหากต้องการเก็บเงินปลายทางจะต้องผ่านโอเปอร์เรเตอร์  (Thailand  Direct)  คือ  000  966

                การโทรไปยังบาหลีต้องกดรหัสประเทศอินโดนีเซียคือ  62  ตามด้วยรหัสเมืองของบาหลีและหมายเลขที่ต้องการ  หรือกด  100  เป็นบริการผ่านโอเปอร์เตอร์

                รหัสเมืองภายในประเทศบาหลี

                กูต้า-เลเกียน-เซมันยิก,  เดนปาซาร์,  นูซาดูอาร์,  ซานูร์,  อูบุด,  เกียนยาร์  361

                โลวิน่า,  สิงคราชา,  คินตามณี  362

                ชานดิดาสา,  เตียตาร์กังกา  363

                เนการา,  เมเดวี,  กิลิมานุก  356

                บาตู  366

                เบดูกัล  368

                หมายเลขโทรศัพท์สำคัญที่ควรรู้

                รถพยาบาล                                                                            118

                ดับเพลิง                                                                                 113

                ตำรวจ                                                                                    110

                บรรเทาสาธารณภัย                                                             51111

                ธนาคาร/บัตรเครดิต

                -วีซ่า                                                                                       226578

                -มาสเตอร์การ์ด                                                                    222652

                -อเมริกัน  เอ็กเพรส                                                            288511ต่อ111 หรือ  773334

บริการอินเตอร์เน็ต

                ปัจจุบันธุรกิจบริการอินเตอร์เน็ตที่บาหลีขยายตัวอย่างรวดเร็ว  ทั้งร้านอินเตอร์เน็ตและไซเบอร์คาเฟ่ที่แถบกูต้า  เลเกียน  และเซมินยัก,  เดนซาปาร์,  อูบุด,  และซานูร์  อัตราค่าบริการประมาณ  6,000  รูเปียห์ต่อ  15  นาที  แต่หากเป็นบริการของทางการที่เดนซาปาร์  อัตราค่าบริการเพียง  5,000  รูเปียร์ต่อ  30  นาทีเท่านั้น  และถ้าต้องการพิมพ์เอกสารจะต้องเสียค่าบริการเพิ่มอีกเล็กน้อย(ราคานี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลากรุณาตรวจสอบก่อนการเดินทาง)

 

 

 

ไฟฟ้า

                กระแสไฟฟ้าที่บาหลีใช้คือ  220-240  โวลต์  แต่ยังมีบางพื้นที่ที่ห่างไกลใช้เพียง  110  โวลต์  ดังนั้นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่นำไปจากประเทศไทยสามารถนำไปใช้ได้ในบางพื้นที่เท่านั้น  และปลั๊กไฟเป็นแบบสองตา

น้ำ

                น้ำประปาที่บาหลีนั้นยังไม่สะอาดนัก  ดังนั้นจึงไม่ควรดื่มน้ำจากก๊อก  ให้ดื่มน้ำบรรจุขวดที่ปิดผนึกหนาแน่นจะดีกว่า

เวลา

                เวลาของบาหลีอยู่ใน  Central  Indonesian  Time  ซึ่งเร็วกว่าเวลาสากล  (GMT)  8  ชั่วโมง  ซึ่งก็เร็วกว่าประเทศไทย  1  ชั่วโมง

เวลาทำงานและประกอบกิจการ

                เวลาเปิดปิดของสถานที่ต่างๆ  จะไม่ตรงกันหากเป็นสำนักงานทั่วไป  เช่น  สายการบินจะเปิดวันจันทร์-ศุกร์  ตั้งแต่เวลา  8.00-16.00  น.  และมีเวลาหยุดพักกลางวันต่างๆ  กันไป  ธนาคารจะเปิดวันจันทร์-ศุกร์  เวลา  8.00-15.00  น.  และวันเสาร์เปิดตั้งแต่  8.00-13.00  น.

                ร้านค้าทั่วไปเปิดประมาณ  10.00-20.00  น.  และอาจเลยไปถึง  22.00  น.  แต่หากเป็นร้านค้าพื้นเมืองหรือตามหมู่บ้านจะปิดค่อนข้างเร็ว  และตลาดจะเริ่มขายกันตั้งแต่รุ่งสางจนกระทั่งประมาณ  10.00 น.

                ส่วนสถานที่ราชการจะเปิดทำการวันจันทร์-พฤหัสบดี  เวลา   8.00-15.00  น.  วันศุกร์  8.00-11.30  น. และวันเสาร์  8.00-12.00  น.

การรักษาพยาบาล

                มีสถานพยาบาลและร้านขายยาอยู่ทั่วไปซึ่งให้การรักษาแบบสากล  สามารถพูดภาษาอังกฤษได้  เนื่องจากชาวบาหลีเองไม่ค่อนใช้บริการสถานพยาบาลเหล่านี้ และสถานพยาบาลก็ยังไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ควร

                อย่างไรก็ตาม  ก่อนเดินทางไปยังบาหลีควรเตรียมตัวให้พร้อม  เนื่องจากบาหลีอยู่ในเขตมาลาเรียชุกชุม  เมื่อถึงบาหลีแล้วก็ระวังเรื่องอาหารการกินให้ดี  และสวมรองเท้าเมื่อเดินตามพื้นดิน  หรือแม้แต่ห้องน้ำ

อาหารการกิน

                อาหารการกินที่บาหลีถึงแม้จะไม่อุดมสมบูรณ์เท่ากับแหล่งภูมิภาคอื่นๆ  ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  แต่ก็มีอาหารหลากหลายให้เลือกไม่ว่าจะเป็นฟาสฟู้ดง่ายๆ  เช่น  แม็คโดนัลด์  เบอร์เกอร์คิงส์  เคเอฟซี  ดังกิ้นโดนัท  หรืออาหารจากรถเข็นหรือพ่อค้าแม่ค้าเร่   อย่างก๋วยเตี๋ยวไก่น้ำข้น  (soto  ayam),  ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใส  (bakso),  หมี่น้ำ  (bakmie  kuah),  หมี่ผัด  (mee  goring)  เป็นต้น  นอกจากนี้ก็มีร้านอาหารอยู่ทั่วไปที่ให้บริการแบบสากล  ราคาขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้งและคุณภาพของอาหาร  ตั้งแต่  1-4  เหรียญสหรัฐฯ  หรือมากกว่านั้น

อาหารอินโดนีเซีย

                อาหารอินโดนีเซียจะมีข้าวและก๋วยเตี๋ยวเป็นหลัก  รสชาติเข้มข้นด้วยเครื่องเทศต่างๆ  และซอสพริก  (sambal)  อาหารที่สามารถหารับประทานได้ง่ายคือ  nasi  campur  เป็นอาหารจานเดียว  มีข้าวขาวกับกับข้าวหลายๆ อย่าง  ทั้งผักและเนื้อสัตว์ใส่มารอบจาน  nasi  goring  คือ  ข้าวผัด  เคียงมาในจานด้วยผัก  ไก่ทอด  ปลา  ฯลฯ  เสิร์ฟพร้อมข้าวเกรียบกุ้ง  อาหารที่นิยมไม่แพ้กันคือ  gadogado  เป็นผักนึ่งพร้อมน้ำจิ้มรสเข้มข้นหรือจะลองชิมสเต๊ะในสไตล์ของอินโดนีเซียก็ดูไม่เลว  และถ้าหากอยากกินข้าวกับกับข้าวหลายๆ  อย่าง  ต้องมองหาร้านที่เขียนว่า  Nasi  Padang  ซึ่งมีกับข้าวให้เลือกมากมาย  เมื่อเลือกแล้วจะเสิร์ฟมาในจานเล็กๆ  ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นแกงกะทิใส่เครื่องเทศรสเผ็ด 

อาหารบาหลี

                อาหารบาหลีส่วนใหญ่จะเป็นข้าวและเป็นกับ  อาหารที่ขึ้นชื่อคือ  babi  guling  หรือหมูหันย่างกรอบ  และ  bebek  betutu  หรือเป็ดรมควันแสนอร่อย

อาหารทะเล

                หากมายังดินแดนที่เป็นเกาะแล้วไม่ได้ลิ้มรสอาหารทะเล  ก็คงเหมือนกับมาไม่ถึงบาหลีนั้นเอง  บริเวณที่ขายอาหารทะเลสดๆ  และมีชื่อของบาหลีคือ  จิมบารัน  (Jimbaran)  และชานดิดาสา  (Candidasa) 

                นอกจากนี้ยังมีอาหารจีน  อาหารไทย  อาหารญี่ปุ่น  ตามภัตตาคารและร้านอาหารต่างๆ  ให้เลือกได้ตามใจชอบด้วย

ผลไม้

                ผลไม้ขึ้นชื่อของบาหลีคือ  สลัก  (salak)  ที่คล้ายกับระกำหรือสละของไทย  แต่เปลือกไม่มีหนามแหลมเท่า  และรสชาติหวานหอมกลมกล่อมเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องลิ้มลอง  อีกทั้งไม่วายที่จะต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับฝากคนที่เมืองไทยด้วยเสมอ

                ผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่คนบาหลีนิยมรับประทานกันมากก็คือทุเรียน  แต่จะกันแบบสุกจนงอมจัดและตกลงจากต้นเอง  นอกจากนั้นในตลาดยังมีขนุนและกล้วยชนิดต่างๆขายเหมือนกับในบ้านเรา  ส่วนมังคุดจะมีในฤดูกาลมังคุดคือช่วงเดือนพฤษจิกายนถึงมีนาคม

ขนมหวาน

                ที่น่าสนใจคือข้าวเหนียวดำเปียก  (bubuhinjin)  และกล้วยทอด  (pisang  goring)  นอกจากนั้นก็ยังมีลอดช่อง  (cendol)  และรวมมิตร  (escampur)  ซึ่งจะไม่หวานจัดเท่าที่บ้านเรา  และมักใช้ดื่มแก้ร้อน

เครื่องดื่ม

                บาหลีสามารถผลิตกาแฟหรือ  kopi  ได้เองจึงควรจึงต้องลองชิมดู  เช่นเดียวกับไวน์บาหลี  ที่ผลิตจากไร่องุ่นทางตอนกลางของเกาะ  ส่วนเบียร์ที่นิยมดื่มกันคือเบียร์บินตัง  และก็ยังพวกน้ำผลไม้ปั่นก็เป็นที่นิยมดื่มกัน  โดยมีโต๊ะตั้งขายอยู่ริมทางทุกหนแห่ง

การทิป

                ไม่จำเป็นสำหรับผู้ที่ให้บริการชาวบาหลี  ยกเว้นเมื่อไหว้วานให้พนักงานบริการในโรงแรมช่วยยกของ  หรือคนขับรถ  คนขับแท็กซี่ที่บริการดีจนประทับใจก็อาจจะให้เป็นสินน้ำใจเล็กๆ  น้อยๆ   อย่างไรก็ดีบางครั้งจะมีผู้ฉวยโอกาสเรียกร้องทิป  อย่างเช่นผู้ให้บริการริมชายหาด  หรือแท็กซี่ส่วนบุคคลจึงอาจจะต้องทิปบ้างเพื่อตัดรำคาญ

ข้อมูลท่องเที่ยว

                The Bali  Tourist  Information  Centre

                Jl.  Raya  Puptan,  Konpl.  Niti  Mandala, 

                Renon,  Denpasar,  80235

                Tel  :  61-225  649,  233  474

                Fax  :  61-233  475

 

                Kodya  Government  Tourism  Office

                Jl.  Surapati  No.  7 ,  Denpasar

                Tel  :  61-223  602

 

                Badung  Government  Tourism  Office

                Jl.  Surapati  No.  7,  Denpasar

                Tel  :  61-234  569

 

                Gienyar  Government  Tourism  Office

                Jl.  Ngurah  Rai  No.  21,  Gianyar

                Tel  :  61-943  401

               

                Ubud  Tourist  Information  Service 

                Jl.  Raya  Ubud,  Gianyar

                Tel  :  61-976  285

               

               

 

Bangli  Government  Tourism  Office

                Jl.  Brigjen  Ngurah  Rai,  Bangli

                Tel  :  66-91  537

 

                Klungkung  Government  Tourism  Office

                Jl.  Surapati  No.  3,  Semarapura 

                Tel  :  66-21  448

 

                Karangasem  Tourism  Office 

                Jl.  Gurah  Rai,  Amlapura

                Tel  :  63-21  002-3

 

                Buleleng  Government  Tourism  Office

                Jl.  Veteran  No.  23,  Singaraja

                Tel  :  62-251  141

 

                Jembrana  Government  Tourism  Office

                Jl.  Dr.  Setia  Budi  No.  1,  Negara 

                Tel  :  61-41  060

 

                Tabanan  Government  Tourism  Office

                Jl.  Gunung  Agumg,  Tabanan

                Tel  :  61-91  602

 

 

 

การเดินทางและที่พัก

การเดินทางสู่บาหลี

ทางอากาศ

                มีเที่ยวบินที่บินตรงจากกรุงเทพฯ  สู่สนามบินงูราห์รายของบาหลีคือการบินไทยนอกจากนั้นยังสามารถใช้สิงคโปร์แอร์ไลน์ได้โดยจะต้องไปเปลี่ยนเครื่องบินที่สิงคโปร์  สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัทตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารและบริษัทนำเที่ยวชั้นนำทั่วไป  เมื่อเดินทางถึงสนามบินแล้วหากจองที่พักโรงแรมชั้นหนึ่งระดับห้าดาวอาจมีบริการรถรับส่ง  ซึ่งควรระบุความประสงค์ไปตั้งแต่ตอนจอง  มิฉะนั้นก็อาจใช้บริการแท็กซี่ที่มีเคาร์เตอร์ให้บริการอยู่  อนึ่ง  ในขาเดินทางออกจะต้องจ่ายภาษีสนามบินด้วยคนละ  100,000  รูเปียห์ 

ทางเรือ

                หากเป็นการเดินทางจากเกาะชวาจะมีเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากให้บริการตลอดวัน  โดยสามารถซื้อตั๋วที่ร่วมการเดินทางโดยรถบวกเรือจากเมืองต่างๆ  ในชวาได้  นอกจากนั้นยังมีเรือบริการระหว่างบาหลีกับล็อมบ็อกด้วย   จากเคตาปัง  (ชวา)  มาถึงท่ากิลิมานุกของบาหลีมีเรือออกทุก  20  นาที  ใช้เวลานั่งเรือ  30  นาที  ค่าโดยสารราวคนละ  3,000  รูเปียห์ 

การเดินทางภายในบาหลี

รถประจำทาง

                บีโม  (Bemos)  คือรถประจำทางขนาดเล็กแบบรถตู้ขนาดที่นั่งประมาณ  10  คน  (แต่มักอัดผู้โดยสารไปมากกว่านั้นและไม่มีเครื่องปรับอากาศ)  จะให้บริการเส้นทางระหว่างเมือง ใกล้ๆ  ส่วนรถประจำทางขนาดใหญ่หรือรถบัสจะให้บริการระยะทางไกลๆ  เช่น  จากเดนปาซาร์ไปยังสิงคราชา          (Singaraga)  และรถบัสจะมีจุดจอดแวะรับส่งคนน้อยกว่ารถบีโม  ทำให้ใช้ระยะในการเดินทางเร็วขึ้น  สามารถขึ้นรถบีโมได้ที่สถานีรถประจำเมืองหรือรอที่ป้ายรถค่าโดยสารจ่ายกับคนขับรถในบางครั้งอาจจะต้องมีการต่อรองราคากันก่อนที่จะขึ้นรถ  เนื่องจากราคาที่นักท่องเที่ยวต้องจ่ายมักแพงกว่าราคาของชาวบาหลี  ราคาค่าโดยสารสำหรับบีโมพอจะคาดเดาราคาง่ายๆ  คือ  ระยะใกล้จ่ายคนละ  2,000 รูเปียห์  ระยะปานกลางคนละ  4,000  รูเปียห์  และระยะไกล  8,000  รูเปียห์  เป็นต้น  (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้) 

                ชัตเตลบัส  คือรสบัสที่วิ่งประจำเส้นทางสำคัญๆ  โดยไม่จอดแวะรับระหว่างทาง  เช่น  กูต้าไปอูบุด  หรือเดนบาซาร์ไปสนามบิน  Perama  เป็นบริษัทที่ได้การยอมรับในการให้บริการด้านรถชัตเติลบัสมาเป็นเวลานาน  อัตราค่าบริการจะสูงกว่ารถประจำทางประมาณ  3-4 เท่า  แต่ก็ได้รับความสะดวกสบายมากกว่าหลายเท่าเช่นกันต้องสำรองที่นั่งก่อนการเดินทางได้ตามบริษัทท่องเที่ยวในเมืองนั้น

แท็กซี่

                ที่เดนปาซาร์หรือกูต้าจะมีรถแท็กซี่มิเตอร์สีฟ้าหรือสีขาวให้บริการไปยังจุดต่าง ๆ โดยเฉพาะโรงแรมที่พัก  ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร อัตราค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 2,500 รูเปียห์  บากอีก 1,000 รูเปียห์ต่อกิโลเมตร  สำหรับผู้ที่จะเพิ่งลงจากเครื่องบินและต้องการใช่บริการแท็กซี่  จะรแท็กซ่ราคามาตรฐานคอยให้บริการอยู่ (เที่ยวล่ะ 50,000 – 60,000 รูเปียห์)  ขณะเดียวกันก็จะคอยพบลูกค้าผีคอยเรียกลูกค้าด้วย  ซึ่งหากจะเลือกใช้บริการแบบหลังควรจะพิจารณาและตกลงราคาให้ดีเสียก่อนจะปล่อยให้เขาฉวยกระเป๋าของเราไป  จากการเหมาแท็กซี่ส่วนบุคคลให้พาเที่ยวทั้งวันนั้นทำได้  แต่ต้องตกลงราคาและต่อรองราคาให้ดีก่อนเสมอ  โดยทั่วไปราคาจะอยู่ในราวชั่วโมงล่ะ 9,000-100,000  รูเปียห์  ถ้าเหมาวันจะตกราว 250,000- 300,000  รูเปียห์ต่อวัน

 

รถม้า

                รถม้าหรือ Dokar เป็นบริการพื้นเมืองเนื่องจากเป็นพาหนะดั้งเดิมของชาวบาหลีมาก่อน  โดยม้าจะถูกประดับตกแต่งด้วยเครื่องประดับเงินซึ่งจะส่งเสียงเวลาเดิน  มีให้บริการอยู่ในแถบกูต้า  ก่อนให้บริการควรต่อรองราคาให้เรียบร้อย  ส่วนใหญ่ราคาจะเริ่มที่ 1,000 รูเปียห์

รถเช่า

                รถยนต์  นักท่องเที่ยวสามารถเช่าได้ตามบริษัทให้เช่ารถ เช่น AVIS  และ  HERTZ  หรือ  บริษัทรถเช่าท้องถิ่น  ค่าเช่าจะมี 2 อัตรา คือ 800 cc ราคาประมาณ 70,000  รูเปียห์ต่อวัน  ส่วนรถขนาด  1,600 cc ราคาประมาณ  150,000-200,000 รูเปียห์ต่อวัน  ไม่รวมน้ำมัน  ก่อนตกลงราคาควรแน่ใจว่ามีประกันคุ้มครองด้วย  การขับขี่รถยนต์ในบาหลีกำหนดความเร็วไม่เกิน  70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง   และต้องมีใบขับขี่สากลอย่างไรก็ดีการขับขี่รถในบาหลีต้องใช้ความระมัดระวังมาก  เพราะถนนค่อนข้างแคบและเล็ก  โดยเฉพราะในเขตตอนกลางเกาะซึ่งเป็นภูเขาสูง  นอกจากนั้นมักจะเจอขบวนแห่ต่าง ๆ บนถนนเสมอ  ซึ่งต้องใจเย็น  ไม่แซง  และไม่บีบแตรไล่

                รถมอเตอร์ไซค์และจักรยาน  ผู้เช่าต้องมีใบขับขี่สากลเช่นกัน ราคาอยู่ที่ประมาณ  15,000  รูเปียห์ต่อวัน  ขณะขับขี่  ทั้งคนขับและคนซ้อนต้องสวมหมวกกกันน็อก  ส่วนจักรยานค่าเช่าต่อวันอยู่ที่ประมาณ  5,000  รูเปียห์

                นอกจากนี้ยังการเช่าเหมาบริการ  คือทางบริษัทเช่ารถจะมีคนขับให้พร้อม  ซึ่งหากเดินทางมากกว่า  1  วัน  ผู้เช่าต้องจ่ายค่าอาหารและค่าที่พักให้คนขับด้วย  ค่าใช้จ่ายประมาณ  15,000-20,000  รูเปียห์ต่อวัน  ไม่รวมค่าจ้างคนขับ

                สามารถเข้าไปดูคำแนะนำได้ที่  www.asiandriver.com/themagazine/index.html

ที่พัก

                ที่พักในบาหลีมีให้เลือกมากมายแบบหลายราคา  ซึ่งจะสร้างความประทับใจที่แตกต่างกันดังนี้

ลอสเม็น  (Losmen) 

                เป็นที่พักขนาดเล็ก  ราคาประหยัด  คล้ายกับโฮมสเตย์  แต่ลอสเม็นไม่ได้อยู่ในอาคารเดียวกับเจ้าของบ้าน  แต่เป็นบ้านเล็กๆ  อีกหลังในบริเวณบ้านใหญ่  ซึ่งเป็นลักษณะแบบบ้านของบาหลีที่มีหลายๆ  หลังอยู่ในบริเวณรั้วเดียวกันดังนั้นจึงสะดวกสบายและเป็นส่วนตัวกว่า  และได้รับการบริการที่เป็นกันเองมากกว่าโรงแรมมักมีลักษณะห้องพักคล้ายบังกะโลที่สร้างให้กลมกลืนกับธรรมชาติและไม่ติดแอร์  เพื่อให้ได้สูดบรรยากาศธรรมชาติ  แต่หากชอบนอนห้องแอร์ก็มีบริการด้วยเช่นกัน  เมื่อก่อนลอสเม็นอาจหมายถึงห้องพักธรรมดาเล็กๆ  ถูกๆ  แต่ปัจจุบันลอสเม็นหมายถึงที่พักสไตล์เบดแอนด์เบรกฟาสต์  ที่มีตั้งแต่ถูกไปจนถึงแพงมากได้  ขึ้นอยู่กับขนาดของห้องพักและการตกแต่ง

 

โรงแรม

                โรงแรมที่บาหลีมีหลายระดับราคา  (ต่อห้องต่อคืน)  ให้เลือกพัก  โดยส่วนใหญ่จะตั้งราคาเป็นเหรียญสหรัฐฯ  มีรายละเอียดดังนี้คือ

                โรงแรมราคาถูกในเมือง  ราคาราว  10  เหรียญสหรัฐฯ  สำหรับคนท้องถิ่นที่เดินทางมาพักชั่วคราว   นักท่องเที่ยวไม่นิยมพักแบบนี้  เนื่องจากไม่ค่อยมีกลิ่นอายของธรรมชาติ  และส่วนมากตั้งอยู่ใกล้กับสถานีขนส่ง  อีกแบบหนึ่งก็คือโฮสเตลที่เป็นห้องแคบๆ  แค่พอนอนได้  รูปแบบคล้ายโรงแรมของแบ็กแพ็กเกอร์  มีอยู่มากในเขตกูต้า

                โรงแรมระดับกลาง  ราคาตั้งแต่  15-35  เหรียญสหรัฐฯ  จนถึง  35-60  เหรียญสหรัฐฯ  ที่พักส่วนมากมีลักษณะเป็นกระท่อมหรือบังกะโลเป็นหลังๆ  มีทั้งที่ติดแอร์และไม่ติดแอร์  มีน้ำอุ่นบริการบางทีจะรวมอาหารเช้าไปด้วย

                โรงแรมระดับดี  ราคาตั้งแต่  60-100  เหรียญสหรัฐฯ  ขึ้นไป  เป็นโรงแรมที่มีเครือระดับโลก  ให้บริการอย่างดีเยี่ยม  เครื่ออำนวยความสะดวกครบครันแวดล้อมด้วยความงามของธรรมชาติ  มีบริการสปา  สระว่ายน้ำ  ใกล้สนามกล์อฟ  ฯลฯ

                โรงแรมบูติก  เป็นที่นิยมมากในบาหลีมีลักษณะป็นโรงแรมขนาดเล็กแต่ว่าหรูหรามากเหล่าดาราคนดังจากทั่วโลกมักจะมาพักผ่อนตามโรงแรมแบบนี้  ตัวโรงแรมออกแบบสวยงามและมีเอกลักษณ์  มีบริการในศาลากลางนาข้าว  ห้องพักแต่ละห้องก็จะมีสระว่ายน้ำส่วนตัว  ฯลฯ  ราคาที่พักตั้งแต่  300  เหรียญสหรัฐฯ  ขึ้นไป  มักอยู่ในบริเวณที่ไม่พลุกพล่านนัก  ถ้าอยู่ติดทะเลอาจมีหาดส่วนตัวด้วย

แหล่งที่พัก

                แหล่งที่พักอาจเป็นตัวกำหนดราคาและกิจกรรมของการท่องเที่ยวบาหลีด้วยเช่นกัน  มีแหล่งที่พักอยู่หลายแหล่งในบาหลีดังนี้

                นูซาดูอา,  ตันจุงเบอนัว  และบูกิต  คือบริเวณแหลมที่ติ๋งออกมาทางใต้สุดของเกาะบาหลีห่างจากสนามบินราว  12  กิโลเมตร  เป็นที่ตั้งของโรงแรมและรีสอร์ตระดับนานาชาติสี่ถึงห้าดาวเป็นย่านที่มีการพัฒนาให้มีมาตรฐานสากล  จึงไม่ค่อยมีกลิ่นอายของบาหลีแท้ๆ  บริเวณนี้น้ำทะเลค่อนข้างจสงบ  และมีสนามกอล์ฟขนาด  18  หลุม  ในช่วง  2-3  ปีหลัง  มีการสร้างที่พักแบบวิลล่าหรูหลายแห่งบนเนินเขาบูกิตซึ่งอากาศค่อนข้างเย็นและวิวสวย

                ตันจุงเบอนัว  มีท่าเรือสำหรับเรือล่องทะเลบาหลี  และไปเที่ยวเกาะใกล้เคียง  ในเขตนี้ไม่มีกิจกรรมยามค่ำคืน  ยกเว้นในบาร์ตามโรงแรมชั้นหนึ่ง

                หาดจิมยารัน  ชาหาดที่สวยงามซึ่งยังไม่พลุกพล่านนัก  เป็นที่ตั้งของโรงแรมหรูขนาดกลาง  เหมาะสำหรับผู้รักแสงแดดและกิจกรรมทางน้ำ  ช่วงเย็นจะมีผู้นิยมอาหารทะเลมานั่งกินอาหารอร่อยๆ  ตามร้านที่ตั้งอยู่ริมทะเล  พร้อมดูพระอาทิตย์ตกดินไปดินด้วย

 

                ตูบัน   ชายหาดริมฝั่งตะวันตกของเกาะเหนือสนามบินขึ้นมาเล็กน้อยก่อนถึงหาดกูต้าเป็นย่านที่ตั้งของโรงแรมมากมายหลายระดับ  รวมทั้งร้านอาหารมากมาย  สามารถเดินไปกูต้าได้ไม่ไกลมากนัก  ขณะที่ชายหาดยังไม่พลุกพล่านจนเกินไป

                กูต้าและเลเกียน  เป็นศูนย์กลางของกิจกรรมในบาหลี  ชายหาดและท้องถนนเนืองแน่นไปด้วยผู้คน  ทั้งคนเทียวและคนท้องถิ่นที่มาขายของ  มีโรงแรมและที่พักหลายระดับให้เลือกมีภัตตาคาร  ร้านอาหาร  ร้านขายของ  รวมทั้งคลับ  ดิสโก้  และบาร์  จึงเหมือนว่าจะไม่เคยหลับได้

                เชื่อมต่อไปทางด้านเหนือของกูต้าคือหาดเลเกียน  ที่ปัจจุบันพัฒนาและพลุกพล่านไม่แพ้กูต้าเป็นศูนย์กลางกิจกรรมยามค่ำคืนของบาหลีมีการขายของริมทางจนถึงดึกดื่นพร้อมๆ  กับที่บาร์และคลับเปิดให้บริการอยู่  ทั้งสองอย่างนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบกิจกรรมสนุกสนานหรือช้อปปิ้งทั้งวันทั้งคืน  แต่ไม่น่าจะเหมาะกับครอบครัวหรือฮันนิมูนหรือคนที่ต้องการความสงบและต้องการพักผ่อนจริงๆ 

                เซมินยัก,  บาตูเบลิก,  ชางกูและทานาลอต   อยู่ถัดไปจากเลเกียนเล็กน้อยและยังคงสงบอยู่พอสมควรเป็นที่ตั้งของโรงแรมในแบบโรงแรมบูติกและวิลล่า  รวมทั้งร้านอาหารชั้นดีและร้านขายของตกแต่งบ้านและศิลปหัตถกรรม   เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนสบายๆ  แบบไม่ไกลแสงสีจนเกินไป

                หาดซานูร์  อยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะเป็นย่านโรงแรมย่านแรกของบาหลี  แต่ปัจจุบันเสื่อมความนิยมไปมากจึงค่อนข้างเงียบและราคาที่พักไม่แพงนัก

                อูบุด  บริเวณตอนกลางของเกาะเป็นย่านของศิลปะและวัฒนธรรม  ในสิ่งแวดล้อมของธรรมชาติและนาข้าว  ตัวย่านอูบุดเองค่อนข้างพลุกพล่านด้วยร้านขายของจำพวกศิลปะและของที่ระลึก  ช่วงกลางวันจะมีนักท่องเที่ยวมากันมากแต่จะมีคนส่วนน้อยที่พักค้างคืนที่อูบุด  ดังนั้นช่วงเย็นและช่วงเช้าจึงค่อนข้างสงบ  ในยามกลางคืนจะมีการแสดงต่าง ๆ หมุนเวียนให้เลือกชมอีกด้วย  ที่พักในย่านนี้ส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็ก  ตั้งแต่ห้องพักในบ้านไปจนถึงโรงแรมบูติกหรูระยับราคาแพงลิบลิ่ว  ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตสายันที่อยู่เลยอูบุดไปเล็กน้อย

                ชานดิดาสา  ชายทะเลทางตะวันออกของเกาะบาหลีเป็นที่นิยมของผู้ที่ไม่ชอบความวุ่นวาย  ต้องการเพียงนอนอาบแดดและพักเงียบๆ โรงแรมที่พักมักอยู่ในระดับกลาง ๆ

                โลวิน่า  อยู่ทางตอนเหนือของเกาะผู้ที่จะมาดูโลมามักจะมาพักกันที่นี่  แต่เนื่องจากชายหาดเป็นสีดำจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวอื่นๆ เท่าไรนัก  สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสอบถามราคาได้ที่

                www.balihotels.com

                www.balivillas.com/hotels.html

                www.indo.com/hotels/index.html

 

แหล่งท่องเที่ยวในบาหลี

บาหลีแบ่งเขตการปกครองเป็น 8 เขต (Regency)  คือ

1.บาดุง- Badung

2.บูเลเล็ง-Buleleng

3.เกียนยาร์-Gianyar

4.ทาบานัน-Tabanan

5.การังกาเสม-Karanggasem

6.กลุงกุง-Klungkung

7.เจ็มบรานา-Jembrana

8.บังลี- Bangli

แต่ละเขตมีสถานที่ที่น่าสนใจดังนี้

 

บาดุง(Badung)

                เป็นที่ตั้งของเมืองหลวงคือเมืองเดนปาซาร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางของความเจริญรุ่งเรืองในบาหลี  รวมทั้งเป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติ  บริเวณนี้มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นเนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวมีหาดทรายสวยงาม  จึงเต็มไปด้วยรีสอร์ตและที่พักจำนวนมากโดยเฉพาะอ่าวทางตะวันตกเฉียงใต้

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

เดนปาซาร์ (Denpasar)

                บริเวณนี้มีประวัติศาสตร์มาช้านานตั้งแต่สมัยยุคทองของบาหลีที่มีการเดินเรือค้าขายกับชาติตะวันตก  ทำให้บริเวณทางภาคใต้นี้มีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง  จนกระทั่งเมื่อปี ค.ศ. 1958 เมืองเดนปาซาร์จึงได้กลายเป็นเมืองหลวงของเกาะมาจนทุกวันนี้  เดนปาซาร์เป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย  มีทั้งวัฒนธรรมเก่าแก่และความทันสมัยผสมผสานกัน อาทิ

                ปูปูตันสแควร์ (Puputan Square) จุดศูนย์กลางของเมือง  ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ผู้คนจำนวนมาก  ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ไปจนถึงผู้เฒ่าผู้แก่จะไปหาความสงบร่มรื่นจากต้นหญ้าเขียวขจีและดอกไม้แสนสวย  เพื่อหลบจากความวุ่นวายของชีวิตในเมือง  ได้ชื่อเช่นนี้เพราะเป็นจุดที่ราชวงศ์เดนปาซาร์ออกมาทำการฆ่าตัวตายหมู่เนื่องจากไม่ยอมตกอยู่ในอาณัติของพวกดัตช์

                พิพิธภัณฑ์บาหลี (Bali Museum)  อยู่ไม่ห่างจากปูปูตันสแควร์เท่าไรนัก  เป็นสถานที่จัดแสดงประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของเกาะบาหลีตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน  ประกอบด้วย 4 อาคารแต่ละอาคารก็จะมีเอกลักษณ์ของตัวเองและจัดแสดงเรื่องราวต่าง ๆ กันไป  หากต้องการผู้นำชมก็จะมีบริการด้วย  เปิดให้เข้าชม  วันอังคาร-พฤหัสบดี  เวลา 8.00-14.00 น.  วันศุกร์  8.00-11.00 น.  วันเสาร์  8.00-12.30 น.  ค่าเช้าชมสำหรับผู้ใหญ่คนละ 750 รูเปียห์

               

 

ปุระจากัตนาตา  (Pura  Jagatnata)  เป็นวัดที่อยู่ในตัวเมือง  แต่มีความงดงามเต็มไปด้วยไม้นานาชนิดสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953  ตกแต่งด้วยหินแกะสลักและกำแพงที่สลักเสลาเป็นเรื่องรามายณะและมหาภารตะ  เนื่องจากวัดนี้เป็นวัดประจำรัฐจึงเปิดให้เข้าชมได้ 2 ครั้งต่อเดือน  คือวันขึ้น  15 ค่ำ  และแรม 15 ค่ำ

                ตลาดบาดุง  (Pasar Badung)  ตลาดเก่าแก่แห่งหนึ่งของบาหลีทำการค้ากันตลอด 24 ชั่วโมง  เป็นที่ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าและคนซื้อจากทั่วบาหลีมาจับจ่ายสินค้า  นอกจากจะมีอาหารสดอาหารแห้งแล้วยังมีเสื้อผ้าขายด้วย  ส่วนตลาดบุรุง (Pasar  Burung)  ก็เป็นตลาดอีกแห่งที่ขายสัตว์ต่าง ๆ เช่น นก  และสัตว์เลี้งในบ้าน

                ปุระมะอาปาหิต  (Pura  Maophahit)  เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ค่อนข้างยาวนานตั้งแต้สมัยกษัตริย์มัชปาหิต (majapahit)  เชื่อกันว่าส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของวัดนั้นถูกนำมาจากชาวชวาตะวันออกสร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 14 ส่วนมากทำด้วยอิฐปัจจุบันได้ชำรุดไปมากแล้ว

                ศูนย์วัฒนธรรมทามันบูดายา  (Taman  Budaya  Centre)  เป็นที่จัดแสดง  ศิลปะภาพวาดของบาหลี  รวมถึงงานแกะสลักหินและไม้  หน้ากาก  ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและทุกปีช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคมจะเป็นที่จักงานบาหลีอาร์ตเฟสติวัลที่มีการแสดงงานศิลปะของบาหลีทุกแขนง

กูต้า-เลเกียน-เซมินยัก  (Kuta-Legian-Seminyak)

 ห่างจากเดนปาซาร์มาทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ  10  กิโลเมตร  จะพบกับชายฝั่งทะเลที่สวยงามเต็มไปด้วยร้านค้า  ร้านอาหาร  พร้อมด้วยรีสอร์ตจำนวนมากให้เลือกเข้าพักตามความพอใจ  นักท่องเที่ยวที่มายังบริเวณนี้ก็เพื่อมาชมความงดงามของชายหาดสีทองที่มีความยาวกว่า  8  กิโลเมตร  หาดกูต้าเป็นบริเวณที่มีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย  เนื่องจากมีบาร์  ร้านอาหาร  คลับ  และร้านค้าอยู่แทบทุกตารางนิ้ว  มีชายหาดที่ขาวสะอาดซึ่งจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว  และมีการเล่นโต้คลื่นเนื่องจากคลื่นลูกโตเป็นใจนั้นเอง  ส่วนบริเวณเลเกียนและเซมิยักซึ่งต่อเนื่องกันไปนั้นค่อนข้างสงบกว่า  จะเป็นบริเวณที่มีโรงแรมและรีสอร์ตที่ขึ้นชื่อมากมาย  นักท่องเที่ยวมักจะนิยมมานอนอาบแดดบนชายดาหมากกว่า  หากต้องการเดินทางในบริเวณนี้จะมีทั้งรถประจำทาง  รถแท็กซี่มิเตอร์  รถเช่า  แต่อย่างไรก็ดี  การจราจรในเขตนี้ค่อนข้างวุ่นวาย  รวมทั้งการเดินรถทางเดียวที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก็ยิ่งทำให้เกิดความสับสนได้  รวมทั้งบริเวณชายหาดกูต้านั้นจะห้ามไม่ให้พาหนะทุกชนิดแม้กระทั่งจักรยานผ่านเข้าไป  จึงควรใช้พาหนะสาธารณะและการเดินจะเหมาะที่สุด

ซานูร์  (Sanur)

                ซานูร์เป็นเขตที่มีหาดทรายยาวที่เรียงรายไปด้วยต้นมะพร้าวและโรงแรมระดับหรู  ทำให้มีชื่อเสียงในฐานะรีสอร์ตชายหาดแห่งแรกของบาหลี  สิ่งที่ดึงดูดใจของซานูร์คือความสงบร่มรื่นของสังคมที่นนี่  เนื่องจากเป็นรีสอร์ตที่เหมาะสำหรับครอบครัวหรือนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความงามของชายหาดและวิถีชีวิตของชาวบาหลี  หาดนี้ค่อนข้างสงบกว่าที่กูต้า  จึงเหมาะที่จะเดินเล่นชมวิวทิวทัศน์ได้อย่างสบายอารมณ์

นูซาดูอา (Nusa  Dua)

                ลงมาทางใต้ผ่านส่วนที่แคบที่สุดของบาหลีมายังนูซาดูอา  เป็นชายหาดอีกแห่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่แห่งนี้มีโรงแรมระดับนานาชาติห้าดาวอยู่หลายแห่ง   นอกจากหาดทราบยขาวสะอาด  น้ำใส  และต้นปาล์มที่เรียงรายขนานกับชายหาดแล้วยังมีแนวปะการังและเขตตันจุงเนอนัว  (Tanjung  Benoa)  ที่เหมากับการดำน้ำและเล่นกีฬาทางน้ำเป็นอย่างดีด้วย  ใกล้นูซาดูอามีวัดสำคัญคือ ปุระสาเกนัน (Pura  Sakenan)  ซึ่งเป็นวัดที่ชาวบาหลีจะมาไหว้สักการะกันในช่วงวันกุนิงกัน

                อูลูวาตู  (Uluwatu)  เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนผาเหนือฝั่งทะเล  ไม่ไกลจากสนามบินเท่าไหร่นักเป็นสถานที่ที่มีทิวทัศน์สวยงามมากโดยเฉพาะในยามอาทิตย์อัสดง

                เม็งวี  (Mengwi)  ใกล้หมู่บ้านเม็งวีมีวัดที่สวยงามมากอยู่แห่งหนึ่งคือ  ปุระทามันอายุน  (Pura  Taman  Ayun)  ซึ่งเคยเป็นวังของรายาแห่งเม็งวีมาก่อน  สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1634  ภายในบริเวณวัดจัดไว้สวยงามด้ยสวนและคูน้ำ  มีศาลเล็ก ๆ ซึ่งมีหลังคาแบบเมรุหลาย ๆ ชั้นตั้งเรียงรายขึ้นไปให้ภาพที่งดงามยิ่งนัก

 

บูเลเล็ง  (Buleleng) 

                ทางเหนือสุดของเกาะติดกับทะเลบาหลีคือเขตบูเลเล็ง  มีเมืองหลวงคือสิงคราชา  (Singaraja)  ซึ่งเคยเป็นเมื่องหลวงของบาหลีสมัยที่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของดัตช์  และเป็นเมืองที่มีขนาดใหญเป็นอับดับ 2 รองจากเดนปาซาร์  ในปัจจุบันบริเวณภูมิภาคนี้จึงเป็นศูนย์รวมของวัฒนธรรมที่หลากหลาย  ผู้คนในเมืองนี้มีทั้งที่เป็นชาวพื้นเมืองบาหลี  ชาวจีน  และชาวมุสลิมพร้อม ๆ กับมีธรรมชาติที่งดงามมากมาย  เป็นแหล่งผลิตกาแฟที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเขตที่มีการปลูกองุ่นบาหลีสำหรับผลิตไวน์ด้วย  นักท่องเที่ยวที่ได้มาเยือนนาหลีมักจะรวมสิงคราชาไว้ในโปรแกรมท่องเที่ยวด้วยเสมอ  เนื่องจากเป็นเมืองที่น่าสนใจภายในตัวเมืองมีวังโบราณ  ปุริกังกินัน  (Puri  Kanginan)  ที่ยังพอเหลือบางส่วนให้ชม  และปุริซินาร์นาดีปุตรี  (Puri  Sinar  Nadi  Putri)  ซึ่งภายในมีโรงงานทอผ้าอิกัตวางขายให้นักท่องเที่ยวด้วยนอกจากนี้ก็ยังมีปุระอากุงจากัตนาตา  (Pura  Agung  Jagatnata)  ซึ่งในบางครั้งอาจจะไม่ได้เปิดให้เข้าไปชมข้างใน  แต่สามารถจมองจากถนนได้

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

                หมู่บ้านเบระตัน (Beratan)  เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในด้านการทำเครื่องเงินโดยเฉพาะของใช้ชิ้นใหญ่ ๆ เช่น  แจกัน  ถาด  และเครื่องใช้ในครัวเรือนต่าง ๆ เป็นต้น

                น้ำตกกิตกิต  (Gitgit  waterfall)  เลยจากหมู่บ้านเบระตันไปประมาณ 10 กิโลเมตร  จะพบน้ำตกที่สูงที่สุดในประเทศบาหลี  เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามและเงียบสงบมากเพราะชาวบาหลีชื่อว่าหากหนุ่มสาวคู่รักมาเที่ยวที่นี่ด้วยกันจะทำให้ต้องเลิกรากันไป  จึงไม่มีหนุ่มสาวควงคู่กันมาเที่ยวเหมือนแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติทั่วไป  อนุญาตให้เข้าไปได้ตั้งแต่เวลา  8.00-17.30 น.  ราคาค่าเข้านล่ะ  1,500  รูเปียห์  หากเดินทางไปทางทิศตะวันออกของสิงคราชาจะมีหมู่บ้านมากมาย  ซึ่งล้วนมีวัดที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของชาวบาหลีอยู่เป็นจำนวนมาก  อาทิ

                ปุระเบกิ  (Pura  Begi)  วัดแห่งหมู่บ้านสังสิต  (Sangsit)  เป็นวัดที่ต่างจากวัดอื่น ๆ ตรงที่  สร้างจากหินทรายสีชมพู  ในขณะที่วัดอื่น ๆ จะสร้างจากหินภูเขาไฟสีเทา

                ปุระดาเล็มจาการากา  (Pura Dalem  Jagaraga)  อยู่ที่เมืองจาการา  เป็นวัดที่มีภาพเกาะสลักที่งดงามเกี่ยวกับพระศิวะอยู่ที่ประตูทางเข้าด้านหน้า

                หาดโลวิน่า  (lovina)  เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของบาหลี  หาดทาบเป็นสีดำแปลกตา  มีความยาวประมาณ  8  กิโลเมตร  มีรีสอร์ตตั้งอยู่ริมทัเลจำนวนมาก  ศูนย์กลางของหาดอยู่ที่เมืองกาลิบุบุก  (Kalibubuk)  เป็นบริเวณที่มีทุกสิ่งสำหรับนักท่องเที่ยว  ที่นี่จะมีชีวิตชีวาเสมอไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน  ตอนกลางวันนักท่องเที่ยวสามารถเล่นน้ำดำน้ำหรือแม้กระทั่งออกเรือไปดูโลมาซึ่งจะพบเห็นได้ไม่กี่แห่งในบาหลี  ส่วนกลางคืนนั้นร้านอาหาร  ภัตตาคาร  ร้านค้าจะยังเปิดให้บริการจนดึกดื่น  ที่พักก็มีให้เลือกมากมายและมีรถประจำทางให้บริการบริเวณหาดด้วย

 

เกียนยาร์  (Gianyar) 

                จากบาดุงมาทางทิศตะวันออกคือเขตเกียนยาร์  มีเมืองหลวงคือเกียนยาร์เขตนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางแห่งศิลปวัฒนธรรมของบาหลี  เป็นเขตที่มีชื่อเสียงทางประวัติศาสตร์และงานศิลปะต่าง ๆ อีกทั้งยังมีวังโบราณที่ยังคงสภาพดีที่สุด  แต่ไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม  เกียนยาร์เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการทอผ้าที่โรงงานจะมีการสาธิตการทอผ้าให้ได้ชมกันด้วยซึ่งจะมีขายทั้งที่เป็นเสื้อผ้าและของฝาก  เช่น  กระเป๋าสะพาย  กระเป๋าสตางค์  ไปจนถึงผ้าคลุงที่นอน  ราคาเริ่มต้นประมาณ  15,000  รูเปียห์

หมู่บ้านสำคัญในเขตนี้ได้แก่

                บาตูบุหลัน  (Batubulan)  เป็นหมู่บ้านแรกที่พบหากเดินทางจากเดนปาชาร์มาทางตะวันออก  มีชื่อเสียงทางการแกะสลักหิน  อาจกล่าวได้ว่างานแกะสลักหินที่พบในบาหลีส่วนมากมาจากหมู่บ้านนี้ทั้งนั้น  นอกจากนี้ยังมีการแสดงการเต้นรำระบำบารองทุกวัน  หมู่บ้านบาตูบุหลันยังเป็นชุมทางรถโดยสารไปยังเมืองต่าง ๆ ทั้งเกาะบาหลีอีกด้วย  ในเขตบาตูบุหลันมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกแห่งคือ  สวนนก  (Taman  Burung/Bali  Bird  Park)  มีนกมากมายหลายชนิดให้ชมในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ  ใกล้กันมีสวนสัตว์เลื้อยคลาน (Reptile  Park)  ซึ่งมีมังกรโคโมโดให้ชม  เหมาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่มีเด็กมาด้วย

                เชลุก  (Celuk)  เป็นหมู่บ้านแห่งเครื่องทองและเครื่องเงินที่ทำเป็นเครื่องประดับหรือเครื่องใช้  เช่น  พาน  ขัน  เป็นต้น  ซึ่งมีการออกแบบที่สวยงามและเครื่องประดับของที่นี่นั้นส่งออกไปจำหน่ายยังทั่งโลก

                สุขะวาตี  (Sukawati)  อยู่ถัดจาดเซลุกที่มีตลาดที่ขายงานสินค้าหัตถกรรมต่าง ๆ มากมายในราคาที่ย่อมเยา  และต่อรองได้อย่างสนุกสนานตอนกลางคืนก็มีไนท์มาร์เก็ตให้ช้อปปิ้งกันต่อ

                มาส  (Mas)  หมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในเรื่องการแกะสลักไม้  ร้านค้าที่เรียงรายไปตามถนนของหมู่บ้านกว่า  5  กิโลเมตร  มีสินค้ามากมายให้เลือกชื้อหา  งานแกะสลักที่นี่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะปิตมหา  มีทั้งชิ้นงานที่แกะขึ้นตามความเชื่อทางศาสนา  หน้ากากแบบดั้งเดิม  หรือจะเพื่อตกแต่งอาคารบ้านเรือนตามแบบสมัยใหม่

                อูบุด  (Ubud)  หมู่บ้านที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องเดินทางมาเนื่องจากเป็นศูนย์รวมศิลปะของบาหลี  จนมีคำกล่าวขานว่าอูบุดนี่แหละคือบาหลีที่แท้จริง  ตลาดที่เมืองอูบุดจะมีสินค้าพื้นเมืองฝีมือดีจำหน่าย  ซึ่งอาจหาไม่ได้ในที่อื่น  และบริเวณโดยรอบอูบุดก็ยังคงมีนาขั้นบันไดที่สวยงามให้ชมด้วย

                แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในอูบุดได้แก่

                -ปุริลูกิลาน  (Puri  Lukisan/Palace  of  Painting)    เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในสวนดอกไม้ที่จัดแสดงงานศิลปะการวาดภาพหลากหลายรูปแบบ  และงานแกะสลักของบาหลีตั้งแต้สมัยทศวรรษที่  30  เปิดให้เข้าชมทุกวัน  เวลา  8.00-16.00 น.  ค่าเข้าชมคนล่ะ  20,000  รูเปียห์

                -ปุระสาระวาตี  (Pura  Sarawati)  วัดซึ่งตั้งอยู่ในสวนน้ำพร้อมกับสระบัวขนาดใหญ่  สองข้างทางของทางเข้าจะเรียงรายไปด้วยดอกบัวจำนวนมาก   ถือได้ว่าเป็นวัดที่มีความงดงามอย่างมากอีกแห่ง

                -ปุริซาเร็นอากุง  (Pura  Saren  Angung/Ubud  Palace)  ตั้งอยู่ใจกลางเมือง  เป็นวังที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและงดงาม  นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมบริเวณรอบ ๆ วังได้  มีบงส่วนเปิดเข้าพักในแบบเบดแอนด์เบรกฟาสต์ด้วย  ในตอนกลางคืนที่สนามด้านนอกจะมีการแสดงเต้นระบำต่าง ๆ สลับกันไปในแต่ล่ะคืน  ค่าเข้าชมระบำ  ประมาณ  50,000  รูเปียห์ต่อคน

                -บ้านเลมปัด  บ้านของ  I  Gusti  Nyoman  Lempad  ศิลปิลชื่อดังของบาหลี  ผู้สร้างสวรรค์ผลงานที่มีชื่อเสียงไว้มากมาย  ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมผลงานของเขาได้ทุกวัน  เวลา  8.00-18.00 น.  ไม่เสียค่าเข้าชม

                -พิพิธภัณฑ์เนคา  (Neka  Museum)  เป็นพิพิธภัณฑ์อีกแห่งที่เก็บรวบรวมภาพวาดทั้งแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1982  เป็นของ  Wayan  Suteje  Naka  บุตรชายของ

นักวาดภาพเลื่องชื่อของบาหลีเมื่อสมัยปิตามหา  เปิดให้เข้าชมทุกวัน  เวลา  9.00-17.00  น.  ค่าเข้าชมคนล่ะ  20,000  รูเปียห์

                -พิพิธภัณฑ์ศิลปะอากุงไร  (Agung  Rai  Museum  of Art)  พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีผลงานของศิลปินชาวตะวันตกซึ่งหลงใหลในบาหลีอย่าง  วอนเตอร์ สปีส์  ตั้งแสดงร่วมกับผลงานของศิลปินชาวบาหลี  บริเวณพิพิธภัณฑ์นั้นตกแต่งสวยงามมาก  เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา  9.00-18.00  น.  ค่าเข้าชมคนล่ะ  20,000  รูเปียห์  สำหรับผู้ที่สนใจการแสดงพื้นเมืองนอกจากที่วังอูบุดแล้วยังมีการเปิดแสดงต่าง ๆ ให้ชมทุกคืนตามสถานที่ต่าง ๆ ในอูบุดหรือหมู่บ้านบริเวณใกล้เคียง

                หากต้องการดูลิงที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติก็ให้แวะไปที่  Monkey Forest  แต่ต้องระวังสิ่งของที่ถือไปให้ดี  เพราะลิงบาหลีก็ซนไม่ต่างกับลิงเมืองไทยเลย  อาจฉกฉวยของใช้  รวมทั้งหมวกและแว่นตา  และเครื่องประดับที่แวววาวไปจากตัวคนได้สมอ

                -เปเจ็ง  (Pejeng)  หมู่บ้านนี้มีสถานที่สำคัญคือ  ปุระเปนาราตันศศิ  (Pura  Penaratan  Sasih)   มีของสำคัญคือกลองสำริดโบราณขนาดใหญ่รียกกันว่า  จันทราแห่งเปเจ็ง  เป็นหนึ่งในวัดสำคัญในยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของอาณาจักรบาหลี

 

ทาบานัน  (Tabanan)

                ทาบานันเป็นเขตที่ถัดจากบาดุงมาทางตะวันตก  และติดกับมหาสมุทรอินเดีย  ทางฝั่งตะวันออกเป็นภูเขาและมีที่ราบยาวลงมาจนถึงทางด้านตะวนตกเฉียงใต้  แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากคือ  ปุระทานาลอต  (Tanah Lot)    คำว่าทานาแปลว่าโลก  ส่วนลอตแปลว่าทะเลเชื่อว่าวัดแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของการบรรจบกันของธรรมชาติและจักรวาล  นักท่องเที่ยวมักจะนิยมไปชมพระอาทิตย์ตกกัน  และต้องมีภาพถ่ายเพื่อเป็นหลักฐานในการไปเยือนวัดที่ถือได้ว่าสวยที่สุดในบาหลีกลับมาทุกรายไป

                เขตทาบานันค่อนข้างเป็นเขตที่ทันสมัยเนื่องจากเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของชาวจีน  เป็นบ้านเกิดของมาริโอ  (Mario)  นักรำซึ่งได้ทำการเปลี่ยนแปลงฟื้นฟูของบาหลีให้ทันสมัยเมื่อสมัยทศวรรษที่  1930  ลงมาทางตอนใต้ของทาบานันคือ  เมืองเคราบิตัน  (Kerabitan  อ่านว่า เค-ราบิตัน)  เป็นเมืองที่มีการผสมผสานกันระหว่างสัฒนธรรมดั้งเดิมกับความทันสมัยของโลกปัจจุบัน  มีชื่อเสียงด้วยเรื่องอาคารการสร้างด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ซึ่งมีความสวยงามมากส่วนที่สูงที่สุดของทาบานันเป็นบริเวณที่มีภูเขาไฟสงบแล้ว  ภูเขาสูงสุดคือ  เมาต์บาตูเกา  (Mount  Batukau, 2,275  เมตร) 

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

                ปุรา ทานาห์ลอต  (Pura  Tanah Lot)  เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนชายหาดริมทะเล 1 ใน 5 ของเกาะบาหลี  เรียกได้ว่ายื่นลงไปในทะเลเลยทีเดียว  สร้างโดยนักบวชฮินดู ชื่อว่า ดัง ฮยัง นิราร์ธา ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 เพื่ออุทิศแด่เทพเจ้าและปีศาจแห่งท้องทะเล ลักษณะการสร้างบนโขดหินคล้ายเกาะเล็ก ๆ เวลาน้ำขึ้น จึงดูเหมือนวัดอยุ่กลางทะเล เวลาน้ำลง ผู้คนสามารถเดินข้ามทางเดินไปยังตัววัดได้ เป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวบาหลีให้ความเคารพบูชาอย่างมาก  มีทิวทัศน์และบรรยากาศที่สวยงาม  และด้านนอกก็เป็นตลาดขายสินค้าพื้นเมืองราคาถูกที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกัน

               ปุรา ทามัน อายุน (Pura Taman Ayun)  เป็นวัดที่เคยเป็นวังเก่า สร้างตอนศตวรรษที่ 17 เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมของกษัตริย์ราชวงศ์เม็งวี กำแพง ประตูวัด ก่อด้วยหินสูง แกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง หลังคาปูด้วยหญ้าอลัง สิ่งก่อสร้างด้านใน ตกแต่งลวดลายงดงามตามแบบบาหลี มีสระน้ำล้อมรอบ

                น้ำพุร้อน  (Yey  Panas)  นักท่องเที่ยวที่ชมชอบการแช่ตัวเพื่อผ่อนคลายสามารถเดินทางมาที่น้ำพุร้อนแห่งนี้  มีรีสอร์ทที่สวยงามรายล้อมด้วยธรรมชาติไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน

                สวนพฤกษศาสตร์  (Bali  Botanical  Gardens)  มีพันธ์ไม้กว่า  650 สายพันธุ์  ซึ่งมีดอกกล้วยไม้หลากหลายสีสัน  หรือจะเป็นเฟิร์นพันธ์แปลกไม่เหมือนที่ใด  เป็นแหล่งที่นักดูนกไม่ควรพลาด  เนื่องจากมีนกหลายชนิดอาศัยอยู่นอกจากนั้นยังมีบ้านพักแบบบาหลีดั้งดาวให้พักด้วย

                เปิดให้เข้าชมทุกวัน  เวลา  07.00-17.00  น.  ค่าเข้าชมคนละ  2,500  รูเปียห์  รถยนต์คันละ3,500  รูเปียห์  บริเวณสวนไม่อนุญาตให้รถจักรยานยนต์เข้าไปภายใน

                ทะเลสาบบราตัน  (Lake  Bratan)  เป็นทะเลสาบที่มีมนต์ขลัง ฉากหลังคือทุ่งข้าวขั้นบันไดที่ค่อย ๆ ลาดต่ำลง อยู่ที่เบดูกัลป์  (Bedugu)  เป็นทะเลสาบที่มีชื่อเสียงซึ่งมีรีสอร์ทให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการธรรมชาติแบบทุ่งหญ้า  ท้องนา  และภูเขาได้เข้าพักด้วย  ในตอนเช้าหากปราศจากหมอกจะได้เห็นวิวที่สวยงามของยอดเขาคินตามณี  (Kintamani)  เมาต์อากุง  (Mount Angung)  เรื่อยไปจนถึงทางทิศตะวันออกนอกจากนี้ยังเป็นศูนย์รวมกิจกรรมทางน้ำสร้างความตื่นเต้น  เช่น  สกีน้ำ  การล่องเรือ  และภายเรือในทะเลสาบ

                ปุรา อูลันดานู บราตัน  (Pura  Ulun  Danu  Bratan)  ตั้งอยู่บริเวณกลางน้ำริมทะเลสาบบราตัน  มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟสูงทะมึน บางช่วงถูกคั่นด้วยปุยเมฆสีขาว วัดนี้สร้างตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 เพื่อใช้ทำพิธีทางศาสนาพุทธและฮินดู รวมทั้งอุทิศแด่เทวี ดานู เทพยแห่งสายน้ำ ไม่สามารถเดินข้ามไปยังวัดได้ มีลักษณะเด่นตรงศาลาซึ่งมีหลังคาทรงสูงที่รียกว่าเมรุ  มุงด้วยฟางซ้อนกันถึง  11  ชั้น  สวยงามมากมักปรากฏอยู่ในภาพถ่ายโฆษณาการท่องเที่ยวของบาหลีเสมอ  ต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 3,000รูเปียห์

                นาขั้นบันไดที่จาตูวีห์  (Jatiluwith)  บริเวณหมู่บ้านแถบนี้ยังมีการปลูกข้าวแบบขั้นบันได  ซึ่งทำให้บริเวณนี้มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของสังคมเกษตรกรรมแบบบาหลีได้อย่างดี

 

การังกาเสม  (Karangasem) 

                เขตทางชายฝั่งตะวันออกของบาหลีคือ  การังกาเสม  (Karangasem)  เป็นเขตหนึ่งที่มีชื่อเสียงเรื่องชายหาดที่สวยงาม  คงความเป็นธรรมชาติและวิถีชีวิตแบบพื้นเมืองดั้งเดิมให้เห็นเป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์  กุหนุงอากุง  (Gunung  Agung)  ภูเขาที่สูงที่สุดในบาหลีด้วยความสูง  3,014  เมตร  ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ระเบิดครั้งสุดท้ายเมื่อ  17  มีนาคม  ค.ศ. 1963  สร้างความเสียหายไปไม่น้อย  ในปัจจุบันกุหนุงอากุงสงบลงแล้วและปุระเบซากีซึ่งตั้งอยู่ที่ความสูง  1,000  เมตร  ก็เป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าไปชมความงามอย่างไม่ขาดสาย

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

                ปุรา เบซากิห์  (Pura  Besakih)  เป็นวัดที่มีความสำคัญที่สุดบนเกาะบาหลี คนบาหลียกให้เป็นวัดหลวง (Mother Temple)  เป็นวัดในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดของบาหลี ยังถือเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่สุดเหนือวัดทั้งปวง  มีบริเวณกว้างใหญ่ไพศาล ประกอบด้วยวัดเล็กๆ  อีก 23 แห่ง   แห่งที่เรียงรายอยู่เป็นขั้นๆ  กว่า  7  ขั้นไปตามไหล่เขา  มีฉากหลังคือภูเขาไฟกุนุง อากุง สูงที่สุดในบาหลี มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์เลยที่เดียว  วัดเล็กๆ  ดังกล่าวก็จะมีความสำคัญต่างๆ  กันไปโดยวัดที่มีความสำคัญที่สุด  คือ  ปุราเปนาทารัน อากุง  (Pura  Penataraa  Aguan)  ตั้งอยู่ตรงกลาง เกือบทุกวันจะมีคนบาหลีเดินทางมาประกอบพิธีทางศาสนา  ทำให้เป็นสถานที่ที่สามารถเห็นธรรมเนียมประเพณีและการแต่งกายแบบพื้นเมืองทั้งชายและหญิงรวมทั้งการแบกทูนของบูชาบนศีรษะตามแบบดั้งเดิมด้วย  หากนักท่องเที่ยวต้องการปีนเขากุหนุงอากุงสามารถทำได้ในช่วงเดือนกรกฏาคมถึงตุลาคม  โดยจะต้องขออนุญาติจากทางวัดก่อนเพราะทางวัดไม่อนุญาตให้ปีนขึ้นไปสูงกว่าวัดขณะที่มีการทำพิธีกรรมทางศาสนาอยู่  วัดเบซากีเปิดเข้าชมทุกวัน  เวลา  8.00-17.00  น.  ค่าเข้าชมคนละ  3,000  รูเปียห์

                เทงกะนัน  (Tenganan)  เป็นเขตที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของบาหลี  เนื่องจากเป็นหมู่บ้านที่ต่อต้านการรรุกรานและอิทธิพลของมัชปาหิตในค.ศ.  1343  ไม่ยอมรับวัฒนธรรมสมัยใหม่ในครั้งนั้น  โดยยังยึดการนับถือผีละความเชื่อโบราณจนถูกเรียกขานว่าเป็น “บาหลีโบราณ”  หรือ  Bali  Aga  บริเวณส่วนหนึ่งของหมู่บ้านโบราณปัจจุบันกลายเป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่มีบ้านเรือนแบบยุคโบราณเหมือนเกือบพันปีก่อนให้ชม  และเป็นเพียงหมู่บ้านเดียวในอินโดนีเซียที่มีการทอผ้าเกริงซิงหรืออิกัตแบบทอ  2  ชั้นซึ่งมีราคาแพงมาก  และมีการสานตะกร้าแบบเทงกะนัน  ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในการใช้ตกแต่งบ้านในยุโรป  ไม่เสียค่าเข้าชมแต่ควรบริจาคราว  300-500  รูเปียห์

                อัมลาปุระ  (Amlapura)  เมืองหลวงของเขตการังกาเสม  อยู่ใกล้กับหมู่บ้านเทงกะนันเป็นที่ตั้งของปุระอากุงการังกาเสม  (Puri  Agung  Karangasem)  ซึ่งเป็นวังในสมัยที่รายาแห่งการังกาเสมปกครองบาหลี  เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวันเวลา  8.00-18.00  น.  ค่าเข้าชมคนละ  1,100  รูเปียห์ 

                วังเตียร์ตากังกา  ถัดจากอัมลาปุระไปประมาณ  6  กิโลเมตรจะพบกับวังเตียร์ตากังกา  (Tirta  Gangga  Water  Palace)  สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.  1974  โดยรายาอัมลาปุระซึ่งทรงโปรดน้ำมากบริเวณถูกออกแบบอย่างสวยงามทั้งสระน้ำและสระว่ายน้ำที่เชื่อมกับน้ำพุตามธรรมชาติรายล้อมทิวทัศน์ของนาขั้นบันไดสีเขียวขจี

                แทมปักซิริงและเตียร์ตาอัมปึล  (Tempak  Siling-Tirta  Ampul)  เป็นเขตหมู่บ้านแหล่งผลิตไม้แกะสลัก  มีสถานที่สำคัญคือ  บ้านพักของอดีตประธานาธิบดีซูการ์โน  ซึ่งมีมารดาเป็นคนบาหลีใกล้ๆ  กันนั้นมี

               ปุรา เตียร์ตา อัมปึล (Pura Tirta Empul) หรือวัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์  มีบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ใสสะอาดที่ผุดขึ้นจากใต้ดิน เป็นที่เคารพสักการะของชาวบาหลี เชื่อว่าพระอินทร์เป็นผู้ดลบันดาลให้เกิดน้ำพุ ชาวบาหลีเชื่อว่าถ้าได้มาอาบน้ำ จะเป็นสิริมงคลและขับไล่สิ่งเลวร้าย ทั้งยังรักษาโรคต่าง ๆ  ทุกปีผู้คนนิยมเดินทางมาเพื่อชำระร่างกายให้บริสุทธิ์ ก่อนการอาบน้ำ จะมีการทำพิธีบูชาเทพเจ้าแห่งน้ำพุที่แท่นบูชา จะมาอาบน้ำพุศักดิ์สิทธิ์กันที่ ที่อาบน้ำโบราณ สร้างมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 10  ค่าเข้าชมคนละ  4,100  รูเปียห์

                กุหนุงกาวี  (Gunung  Gawi)  ซึ่งเป็นที่ฝังพระศพเหล่ามเหสีของรายาเมื่อ  800-900  ปีก่อนทำขึ้นโดยการแกะสลักหินด้วยประติมากรรมแบบนูนสูงให้เป็นรูปเจดีย์ขนาดสูง  7  เมตรถึง  10  องค์  ค่าเข้าชมคนละ  4,100  รูเปียห์

                ท่าเรือปาดังไบบาหลี  (Padang  Bai  Bali) เป็นท่าเรือเฟอรี่ที่บริการข้ามไปยังเกาะล็อมบ็อก (Lombok)  ซึ่งอยู่ใกล้เคียง  ปัจจุบันเขตนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวสนใจเพิ่มขึ้นเพราะเป็นเขตที่ยังมีธรรมชาติแบบดั้งเดิม  ทั้งสายน้ำ  ป่าเขา  และหมู่บ้านต่างๆ  ข้างท่างก็ยังบริสุทธิ์อยู่มากจึงเป็นที่นิยมสำหรับการจัดทัว์ในลักษณะ  off-road  หรือทัวร์สัมพัสบาหลีแบบเจาะลึก

               

กลุงกุง  (Klungkung) 

                กลุงกุงเป็นเขตที่เล็กที่สุดของบาหลี  อยู่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้  รวมถึงเกาะนูซาเปนิดา (Nusa  Penida)  ,  นูซาเล็มบองกัน  (Nusa  Lembongan)  และเชนิงกัน  (Ceninggan)  ภายในเมืองค่อนข้างวุ่นวาย  รถเยอะ  และถนนเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใครก็คือสถาปัตยกรรมแบบกลุงกุง  ภายในตัวเมืองจะมีกำแพงเมืองล้อมรอบ  ซึ่งตกแต่งด้วยภาพวาดในรูปแบบกลุงกุงซึ่งถือได้ว่าเป็นศิลปะดั้งเดิมที่มีความงดงามมากแบบหนึ่ง

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

                พระราชวังทามันกิลี  (Taman  Gili)  ภายในมีภาพวาดที่มีชื่อเสียง  เกอร์ทา  โกชา  (Kerta  Gosa)  ซึ่งเป็นการวาดแบบวายัง  (Wayang)  หรือ  2  มิติ  สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.  1710  แต่ถูกทำลายจนเสียหายจากการทำสงครามในปีค.ศ.  1908  ในส่วนหนึ่งชั้นล่างของวังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์  (Musem  Daerah  Semarapura)  จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ของราชสำนักสมัยก่อนรวมทั้งรูปถ่ายของราชวงค์ของรายาแห่งกลุงกุงด้วย  เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา  7.00-18.00  น.  ค่าเข้าชมคนละ  2,000  รูเปียห์ 

                ปุระทามันสารี  (Pura  Taman  Sari)  ไม่ถึง  1  กิโลเมตรจากตัวเมืองจะพบวัดทามันสารีซึ่งแปลว่าสวนดอกไม้  เป็นวัดที่มีความสงบร่มรื่นอย่างมากและมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามเมื่อครั้งสมัยการปกครองของรายาแห่งกลุงกุงวัดแห่งนี้ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญของราชวงค์ด้วย

                พิพิธภัณฑ์ศิลปะ  (Museum  Seni  Lukis  Klasik  Bali)  เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงงานศิลปะทั้งในแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่นอกจากภาพวาดแล้วยังมีวัตถุโบราณต่างๆ  เช่น  อาวุธโบราณ  หน้ากาก  งานฝีมือต่างๆ เป็นต้น  จะมีไกด์ที่สามารถบรรยายถึงของที่จัดแสดงไว้

                เปิดทุกวัน  เว้นวันจันทร์  เวลา  9.00-17.00  น.  ค่าเข้าชมคนละ  5,000  รูเปียห์

                ติฮิงกัน  (Tihinggan)  เมื่อเดินทางออกจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะประมาณ  3  กิโลเมตร  จะเป็นหมู่บ้านที่ทำฆ้องจากดีบุกและทองแดงซึ่งนำมาจากชวา  มีจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวหลายขนาดหลายราคา

                กามาสัน  (Kamasan)  ออกจากตัวเมืองไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรก็จะถึงหมู่บ้านกามาสัน  ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ทีชื่อเสียงด้านการวาดภาพในแบบดั้งเดิม  โดยเป็นการนำเรื่องราวเกี๋ยวกับมหากาพย์ของศาสนาฮินดู  เช่น  รามายณะ  และมหาภารตะถ่ายทอดเป็นชิ้นงานที่สวยงามและมีเอกลักษณ์สามารถไปชมภาพวาดในรูปแบบนี้ได้ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ

                ปุระกัวลาวาห์  (Pura  Goa  Lawah)  หรือวัดถ้ำค้างคาว  เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งของบาหลี  มีถ้ำค้างคาวอยู่ในบริเวณวัดด้วยเชื่อกันว่าหากเดินไปตามถ้ำจะมีทางที่เชื่อมไปสู่วัดเบซากีได้  แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเข้าไปสำรวจ

                ปุรา กัว กาจาห์  (Pura  Goa  Gajah)  หรือวัดถ้ำช้าง  ถูกค้นพบโดยนักโบราณคดีชาวดัตช์ เมื่อปี ค.ศ. 1923  มีสิ่งที่โดดเด่นคือแผ่นหินแกะสลักหน้าปากทางเข้าถ้ำ ลักษณะเป็นการเจาะจากด้านหน้าของหินผา มองดูคล้ายใบหน้าช้าง บางก็ว่าคล้ายยักษ์อ้าปากกว้าง ชาวบาหลีเชื่อว่าคือปากของปีศาจร้าย   ภายในถ้ำเป็นรูปตัวที ด้านหนึ่งจะเป็นรูปปั้นพระพิฆเนศ อีกด้านเป็นรูปปั้นศิวลึงค์ 3 แท่ง แทนเทพ 3 องค์ คือ พระศิวะ พระนารายณ์ พระวิษณุ  ตามความเชื่อของฮินดู  ด้านหน้าปากถ้ำเป็นสระศักดิ์สิทธิ์ มีน้ำไหลพุ่งจากปากปล่องแกะสลักเป็นรูปอิสตรี 6 นาง ชาวบาหลีเชื่อว่า ถ้าใครอยากมีลูก ลองมาดื่มหรืออาบน้ำที่นี่ จะมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง

                นูซาเปนิดา  (Nusa  Penida)  เกาะเล็กๆ  นอกชายฝั่ง  เป็นเกาะที่มีประวัติศาสตร์น่ากลัวเล็กน้อย  เนื่องจากเคยเป็นที่กักกันนักโทษมาก่อนแต่ในปัจจุบันเป็นเกาะที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวพอสมควร  เนื่องจากว่าเป็นเกาะที่เงียบสงบ  และเหมาะกับการดำน้ำหรือเล่นกระดานโต้คลื่น  นอกจากนี้ยังมีเกาะเล็กๆ  ใกล้เคียงอีก  2  เกาะ  คือ  นูซาเล็มบองกัน  และนูซาเชนิงกัน  ซึ่งมีเรือท่องเที่ยวให้บริการพาไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับทุกวัน  มีเรือกึ่งดำน้ำสำหรับชมปะการัง  และมีบ้านเช่าให้พักค้างคืนด้วย

 

เจ็มบรานา  (Jembrana) 

                ทางชายฝั่งตะวันตกเฉียงงใต้  เป็นที่ตั้งของเขตเจ็มบรานา  เป็นจุดที่นักท่องเยวที่เดินทางทางเรือจากท่าเรือเคตาปังฝั่งชวามายังท่าเรือกิลิมานุก  (Gilimanuk)  ของเจ็มบรานา  ซึ่งจะมีเรือเฟอร์รี่บริเวณอยู่ตลอดเวลา  เมืองหลวงคือเนการา  (Nagara)  เขตนี้เป็นเขตที่มีผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่ร่วมกันมาเป็นเวลานาน  เช่น  บริเวณโลโลอัน  (Loloan)  ก็จะเป็นที่อยู่ของชาวมาเลย์  ส่วนบริเวณทางตอนกลางของเขตก็จะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวคริสต์  ทั้นิกายโปรแตสแตนต์  และคาทอลิกและที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปก็คือชาวพื้นเมืองของบาหลี  โดยเฉพาะบริเวณที่มีการทำนาปลูกข้าวดังนั้นจึงเป็นเขตที่มีวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายมาก

                นอกจากความหลากหลายทางวัฒนธรรมลักษณะภูมิประเทศของเขตนี้ก็ยังมีหลายแบบด้วย ทางตอนเหนือเป็นภูเขาสูงมากมาย  ซึ่งทำให้กลายเป็นอุทยานแห่งชาติ  ลงมาทางตอนใต้ก็จะเป็นชายหาดที่มีความยาวกว่า  70  กิโลเมตร  แต่ด้วยความที่บริเวณนี้เคยเป็นภูเขาไฟมาก่อน  ทำให้ทรายแถวนี้มีสีดำ  อย่างไรก็ตามมีชายหาดที่มีปะการังสวยงามอยุ่ด้วย  เช่น  เมดาวี  (Medewi)

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

                อุทยานแห่งชาติบาหลีตะวันตก  (West  Bali  National  Park)  เป็นอุทยานแห่งชาติที่กว้างมาก  กินเนื้อที่เขตถึง  2  เขต  คือ  เจ็มบรานา  และบูเลเล็ง  ทางเข้าอยู่ฝั่งเจ็มบรานาเป็นอุทยานที่มีความร่มรื่นและเป็นที่อยู่ของบรรดาสัตว์ป่านานาชนิด  มีบรรยากาศของป่าต้นโกงกางไปจนถึงทุ่งสะวันนาและป่าฝน  หากต้องการเข้าไปชม  ต้องติดต่อกับสำนักงานก่อน  เพราะจะต้องมีไกด์ที่ชำนาญทางพาเดินเข้าไป

                อ่าวกิลิมานุก  (Gilimanuk  Bay)  เป็นชายหาดที่ไม่ค่อยได้รับการกล่าวถึงมากนัก  แต่ความสวยงามธรรมชาติที่นี่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าที่อื่นเลย  ไม่ว่าจะเป็นปะการัง  หรือหาดทรายดำและหาดทรายขาว  และป่าโกงกาง  ความงามของปะการังที่นี่ยังรอนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบการดำน้ำได้ไปชม  บนชายฝั่งบริเวณนี้ยังเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมหลากหลาย  ไม่ว่าจะเป็นแบบบาหลี  ชวา  มาดูเดส  และบูกิส

 

บังลี  (Bangli) 

                ด้วยลักษณะภูมิศาสตร์ของภูเขาไฟซึ่งตรงกันข้ามกับนาข้าวแบบขั้นได  เป็นลักษณะภูมิประเทศของบังลี  และยังเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำหลายสายในบาหลี  นักท่องเที่ยวที่เข้าสู่เขตนี้มักเดินทางมาจากเกียนยาร์  ซึ่งระหว่างทางก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศของภูเขาที่ลาดลงมาสู่ชายทะเล

โดยมีนาข้าวขั้นบันไดตลอดสองข้างทาง

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

                ปุระเคเฮน  (Pura  Kehen)  เป็นวัดที่มีอายุเก่าแก่และมีขนาดใหญ่วัดหนึ่งในบาหลีมีลักษณะสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นไม่เหมือนใครและมีความเชื่อว่าเป็นวัดที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เทพเจ้าแห่งไฟ  นักท่องเที่ยวที่มาเยือยบังลีก็ด้วย  เหตุผลคือมาชมความงามของที่นี้  ทั้งความงามของธรรมชาติ  คือ  ต้นไทร  และสิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่คือศาลาเมรุที่มีหลังคา  11 ชั้น  ที่สร้างถวายพระศิวะ  รวมทั้งแท่นบูชาจำนวนมากที่สร้างถวายเทพแห่งภูเขา

                เปิดให้เข้าชมทุกวัน  เวลา  8.00-17.00  น.

                ปากปล่องภูเขาไฟบาตูร์  (Batur  Crater  Area)  บริเวณนี้เป็นปากปล่องภูเขาไฟ  ที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อประมาณ  30,000  ปีมาแล้วประกอบไปด้วยหมู่บ้านเพเนโลกัน  (Penelogan  Batur)  และคินตามณี  (Kintamani)  แต่ละหมู่บ้านจะมีวิวให้ชมอย่างเพลินตา  รวมทั้งร้านขายผลไม้เมืองหนาวสดๆ  ระหว่างทางจะต้องพบกับ  ประอูลันดานูบาตูร์  (Pura  Ulun  Danu  Batur)

ซึ่งเป็นวัดใหญ่ที่ถือได้ว่าสำคัญเป็นอันดับ  2  รองจากวัดเบซากี  มีวัดรวมอยู่ภายในถึง  9  วัด  นอกจากจะเป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของคนบาหลีแล้ว  บรรยากาศของวัดนี้ก็ยังดีมากด้วย  เพราะเนื่องจากอยู่ในที่สูงจึงมีหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณ  ทำให้ดูขลังและดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นไปอีก

 

               กุนุง บาตูร์  (Gunung Batur)  มีอายุกว่า 50,000 ปี เป็นภูเขาไฟบนเกาะบาหลี ที่ชาวบาหลีให้การสักการะบูชา นับว่าเป็นภูเขาไฟที่มหัศจรรย์ของโลก มีความสูง 1,717 เมตร เคยปะทุพ่นลาวาและเถ้าภูเขาไฟมาแล้วหลายครั้ง ส่วนใหญ่เป็นการพ่นหินทรายสีดำกับควันไฟ

                ทะเลสาบบาตูร์  (Lake Batur)  เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในบาหลี มีความยาว 7 กิโลเมตร กว้าง 2.5 กิโลเมตร ลึก 60-70 เมตร  ชาวบาหลีเชื่อว่าทะเลสาบแห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์  เพราะเป็นที่สถิตของเทวีดานู  (Dewi  Danu)  เจ้าหญิงแห่งทะเลสาบ  ทะเลสาบนี้เป็นเพียงแห่งเดียวของบาหลีที่เกิดจากตาน้ำ  11  แห่งรวมกัน  แต่ไม่มีทางน้ำไหลออกเลย  เชื่อกันว่าน้ำในทะเลสาบซึมผ่านชั้นดินและกลายไปเป็นน้ำพุที่ปรากฏในแหล่งอื่นของเกาะ  อย่างไรก็ดีทะเลสาบแห่งนี้มีจุดชมวิวทีสวยๆ  หลายแห่งซึ่งสามารถมองเห็นปากปล่องภูเขาไฟได้ด้วยนอกจากนั้นยังมีหมู่บ้านริมทะเลสาบ  (Trunyan  Village)  เป็นหมู่บ้านที่ยังนับถือผีแบบโบราณ  (Bali  Aga)  และมีธรรมเนียมการทิ้งศพให้แห้งบนดินก่อนนำไปฝังอีกครั้งหนึ่ง

              คินตามณี (Kintamani) คือชื่อหมู่บ้านที่สวยงาม ได้ชื่อมาจากเมืองโบราณแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ริมปากปล่องภูเขาไฟกุนุง บาตูร์ มีทะเลสาบบาตูร์ และภูเขาไฟกุนุงบาตูร์ เป็นฉาก เป็นจุดชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่งของบาหลี

              ปุรา อูลัน ดานู บาตูร์ (Pura Ulan Danu Batur) ซึ่งเป็นวัดใหญ่ที่ถือได้ว่าสำคัญเป็นอันดับ  2  รองจากวัดเบซากี  มีวัดรวมอยู่ภายในถึง  9  วัด  วัดแห่งนี้มีขนาดใหญ่โตและงดงาม คล้ายศิลปะแบบเดียวกับนครวัด นครธม บริเวณหลังวัด จะมองเห็นทั้งทะเลสาบบาตูร์ และภูเขาไฟกุนุง บาตูร์

 

 

เส้นทางท่องเที่ยว

                เนื่องจากเกาะบาหลีมีพื้นที่ไม่กว้างขวางนักถ้าวางแผนการเดินทางดีๆ  ก็อาจเที่ยวได้ทั่วเกาะในเวลาไม่กี่วัน  และสามารถพักค้างคืนได้ในที่พักเพียง  1  หรือ  2  แห่ง  โดยไม่ต้องย้ายที่ทุกๆ  วัน

                ตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยวพักค้างแถบกูต้า  นูซาดูอาหรือซานูร์  คือ

ธรรมชาติ  และวัฒนธรรมตอนกลางเกาะ

                เริ่มต้นวันแรกด้วยการเดินทางไปชมระบำบารองที่บาตูบุหลัน  จากนั้นเดินทางไปแวะหมู่บ้านช่างเงินที่เชลุกและหมู่บ้านแกะสลักไม้ที่มาส  รวมทั้งอูบุด  แล้วเดินทางขึ้นไปชมวิว  ทะเลสาบบาตูร์ที่คินตามณี  เที่ยวกลับแวะวัดเตียร์ตาอัมปึลที่เทมปักเซริง  และวัดกัวคชา

วัดเบซากีและบาหลีตะวันออก

                เดินทางสู่เบซากี  โดยแวะชมภาพวาดที่กลุงกุงและกามาสันระหว่างทาง  จากนั้นตรงไปยังเบซากีเพื่อชมวัดที่สำคัญที่สุดในบาหลี  เสร็จแล้วเดินทางสู่เทงกะนัน  ระหว่างทางชมวิวนาขั้นบันได  เที่ยวกลับผ่านชานดิดาสาเลียบริมฝั่งทะเลตะวันออก  ถ้ามีเวลาเหลือควรแวะชมวัดถ้ำค้างคาวกัวลาวาห์ด้วย

เที่ยวเบดูกัลป์

                เริ่มด้วยการชมป่าลิงที่ซังเก  จากนั้นเดินทางขึ้นเขาไปยังทะเลสาบบราตันเพื่อชมวัดอูลันดานูบาตูร์  แล้วไปชมตลาดขายผักผลไม้ เมืองหนาวผลผลิตท้องถิ่น  เที่ยวกลับใช้ถนนเล็กๆ  ผ่านตามหมู่บ้านและไร่นา  รวมทั้งแหล่งศิลปหัตถกรรมต่างๆ

ชมบาหลีเหนือ

                ขึ้นไปทางตอนเหนือของเกาะ  โดยผ่านชมไร่นาและวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของสวนวนิลลา  ช็อคโกแลต  กาแฟ  เครื่องเทศ  และองุ่นสำหรับทำไวน์  จากนั้นเดินทางไปสิงคราชาและน้ำตกกิตติ  สุดทางด้วยการชมหาดทรายดำที่โลวิน่าเส้นทางนี้สามารถรวมกับเส้นทางที่  3  แล้วเปลี่ยนไปพักค้างคืนที่โลวิน่าเพื่อออกไปชมโลมาในตอนเช้าตรู่ได้

บาหลียามบ่าย

                ถ้ายามเช้าอยากพักผ่อนให้สบาย  แล้วเริ่มออกเที่ยวหลังอาหารกลางวัน  ควรใช้เวลาในการเดินทางไปชมวัดทามันอายุนหรือป่าลิง  จากนั้นเดินทางไปยังวัดทานาลอตเพื่อคอยชมพระอาทิตย์ตกดิน

ช้อปปิ้งสินค้าหัตถกรรม  และเที่ยวอูบุด

                ชมสินค้าหัตถกรรมที่แหล่งผลิตตามหมู่บ้านต่างๆ  เช่น  บาตูบุหลัน  (หินแกะสลัก)  เชลุก(เครื่องเงิน)  มาส  (ไม้แกะสลัก)  เปงโกเซกัน  (ภาพวาด)  รวมทั้งตลาดสุขวาตี  จากนั้นใช้เวลาช่วงบ่ายในการสำรวจอูบุด  ชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีอยู่หลายแห่ง  และนั่งจิบชาหรือกาแฟในคาเฟ่ที่ตกแต่งสวยงามในสวนสวยๆ  ที่มีอยู่มากมายในอูบุด  ช่วงค่ำชมการแสดงต่างๆ  ที่มีจัดให้ชมทั้งในอูบุดและบริเวณโดยรอบ

 

ช้อปปิ้งที่บาหลี

                บาหลีเป็นสวรรค์ของนักช้อปปิ้ง  มีสถานที่สำหรับนักช้อปปิ้งมากมาย  ทั้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่รับบัตรเครดิต  ร้านค้าทั่วไป  ร้านค้าปลอดภาษี  และตลาด  รวมทั้งตลาดนัดในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

สินค้าน่าซื้อ

ของเก่า

            นักสะสมของเก่าที่นิยมวัตถุโบราณสามารถมาหาได้ที่บาหลีนี้  แต่อย่างไรก็ดี  ห้ามนำวัตถุโบราณที่มีอายุมากว่า  50  ปีออกนอกประเทศ  มิฉะนั้นจะผิดกฎหมาย  จึงมีการทำของเก่าเลียนแบบจำหน่ายในราคาย่อมเยา

ภาพวาด

                ภาพวาดของชาวบาหลีมีความสวยงามไม่เหมือนใคร  ผู้ที่ชื่นชอบภาพวาดสวยๆ  มักไม่พลาดที่จะหอบหิ้วงานฝีมือของจิตรกรชาวบาหลีกลับมาตกแต่งบ้านด้วย

เครื่องเซรามิก

                ไม่ว่าจะเป็นถ้วย  จาน  ชาม  พาชนะอื่นๆ  หรือของประดับตกแต่งบ้านซึ่งทำจากเซรามิกที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดยชาวบาหลีนั้นถูกใจนักท่องเที่ยวไม่แพ้ของอย่างอื่นเช่นกัน

เครื่องประดับ

                การออกแบบเครื่องประดับของชาวบาหลีมีความสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงเป็นการรวมเอาฝีมือแบบดั้งเดิมผสมผสานเข้ากับความทันสมัยในปัจจุบัน  ทำให้เครื่องเงิน  เครื่องทองหรือเครื่องประดับอื่นๆ  มีความงามลงตัว

หน้ากาก

                ของฝากที่ขึ้นชื่อของบาหลี  ที่นักท่องเที่ยวหอบหิ้วได้ไม่ยากนักและเป็นที่นิยมอย่างมาก  ใช้ไม้แกะสลักเป็นตัวละครต่างๆ  หลากหลายอารมณ์และสีสันสะดุดตา

งานหินแกะสลักและงานไม้แกะสลัก

                เป็นงานศิลปะที่ขึ้นชื่อเช่นกัน  สำหรับผู้ที่นิยมศิลปะจากการแกะสลัก  อาจนำมาตกแต่งบ้านหรืออาคารสถานที่ต่างๆ  ได้เช่นกัน  แต่จะลำบากตรงมีน้ำหนักมาก  แต่ก็มีงานไม้และหินแกะสลักขนาดเล็ก  สำหรับเป็นที่ระลึกให้ซื้อติดไม้ติดมือด้วย

ผ้า

                ดังที่กล่าวข้างต้นแล้วว่าผ้าของบาหลีนั้นโดดเด่นด้วยความหลากสีสัน  หลายเนื้อผ้า  และการทอที่ประณีต  รวมทั้งมีลวดลายเฉพาะตัวจึงเป็นที่นิยมชมชอบของนักท่องเที่ยวไม่แพ้ของอย่างอื่นเลย

                นอกจากนี้ยังมีสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์สปาอะโรมาเทอราปี  กระเป๋าถักสาน  ตะกร้า  และสินค้าพื้นเมืองมากมาย  แต่อย่างไรก็ตามในการซื้อของที่มีนั้น  การต่อรองราคาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้  เนื่องจากราคาที่ตั้งสำหรับนักท่องเที่ยวนั้นจะสูงมาก  หากเป็นนักต่อรองราคาแล้ว  ก็จะสามารถซื้อของได้อย่างสบายใจ

 

ย่านช้อปปิ้ง

                เดนปาซาร์  มีตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าใหญ่จนถึงตลาด  ดังนั้นจึงสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ตามต้องการ  ไม่ว่าเป็นเครื่องเทศ  อาหารแห้ง  เสื้อผ้า  ไปจนถึงทอง  หากไปที่ถนนสุลาเวลี  (Jalan  Sulawesi)  ก็จะเป็นร้านขายผ้าตลอดทั้งแนวถ้าต้องการซื้อสินค้าทันสมัยควรไปทีรายาณะบาหลีมอลล์  ส่วนตลาดขายของสารพัดชนิดคือตลาดกุมบาซารี(Kumbasari)

                กูต้า-เลเกียน-เซมินยัก  สองฝั่งถนนบนชายหาดกูต้าเต็มไปด้วยร้านขายของที่มีสินค้ามากมายวางขายให้นักท่องเที่ยว  เช่น  ผ้าโสร่ง  ผ้าบาติก  เครื่องประดับ  งานศิลปะ  เสื้อผ้า  เฟอร์นิเจอร์  เครื่องหนัง  รวมทั้งรองเท้าทีตัดเย็บด้วยมือ  หรือเลือกซื้องานศิลปะและงานแกะสลักต่างๆ  เป็นย่านที่ต้องต่อรองราคาสินค้าและควรตรวจสอบสินค้าให้ดีก่อนซื้อเสมอ

                นูซาดูอา  มีตลาดเล็กๆ  ตั้งอยู่ที่ทางเข้าเขตนี้  มีร้านขายสินค้าพื้นเมืองต่างๆ  มากมายมีร้านเครื่องหนัง  ร้านอาหาร  ห้างสรรพสินค้าที่รวมสินค้าจากทุกมุมของบาหลีมารวมอยู่ในแห่งเดียวเมื่อเข้าไปแล้วจะเป็นช้อปปิ้งเซ็นเตอร์  แกลเลอรี่  นูซาดูอาซึ่งมีร้านขายสินค้าวัตถุโบราณ  งานแกะสลักเซรามิก  ผ้าพื้นเมือง  ร้านอาหาร  และซูเปอร์มาเก็ต  เนื่องจากย่านนี้อยู่ใกล้โรงแรมฃชั้นหนึ่งส่วนใหญ่  จึงมักมีของคุณภาพดีๆ  ให้เลือกสรรในราคาที่แพงกว่าย่านอื่น

                ซานูร์  นักสะสมงานศิลปะไม่ควรพลาดย่านนนี้  เพราะสามารถเลือกซื้อภาพสวยๆ  หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ฝีมือปราณีตงดงามได้  บริเวณถนนช้อปปิ้งหลักค่อนข้างเงียบกว่าที่กูต้า  ซึ่งนอกจากจะมีร้านอาหารที่น่านั่งอีหลายร้านด้วย

                บาตูบุหลัน  ย่านนี้มีชื่อเสียงด้านงานแกะสลักหิน  ในสมัยก่อนงานแกะสลักหินจะทำข้นเพื่อใช้ในวัดและพระราชวังเท่านั้น  แต่ปัจจุบันทำอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกด้วย  ซึ่งสามารถสั่งทำตามแบบที่ต้องการได้

                เชลุก  หมู่บ้านช่างเงินและทอง  ซึ่งจะมีการออกแบบที่สวยงามต่างๆ  กันไป  โดยเฉพาะเครื่องเงินที่มีความโดดเด่นกว่าที่อื่น  เนื่องจากเป็นการออกแบบผสมผสานกันระหว่างแบบดั้งเดิมและแบบทันสมัย

                สุขะวาตี  เป็นตลาดรวมที่มีทั้งของเก่าและศิลปะสมัยใหม่ขาย  ไม่ว่าจะเป็นตะกร้าสานแบบโบราณ  ผ้าปราดาที่ใช้ทองวาดลงบนผืนผ้าซึ่งชาวบาหลีใช้ในงานพิธี  ใช้ตัดชุดใส่เต้นระบำและชุดใส่แต่งงาน  ฯลฯ  ราคาของสินค้าต่างๆที่นี้ค่อนข้างย่อมเยาสมเหตุสมผล  แต่ก็ต้องต่อรองราคาเช่นกัน

                มาส  สำหรับผู้ที่ชื่นชอบงานไม้แกะสลักต้องไปที่หมู่บ้านนี้  เนื่องจากมีช่างแกะสลักที่ชำนาญอยู่ที่นี้มากมายเรียงรายอยู่สองฟากถนน

                อูบุด  เป็นศูนย์กลางของงานศิลปะของบาหลี  แบบที่ใครได้มาเยือนเกาะแห่งนี้แล้วต้องไม่พลาดการมาที่นี่  จากหมู่บ้านเล็กๆ  ที่ทำงานศิลปะ  จนกระทั้งกลายเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเช่นปัจจุบัน  ดังนั้นจึงมีแกลเลอรี่ที่จัดแสดงงานศิลปะมากมาย  เช่น  Neka,  Agung  Rai,  Rudana  เป็นต้น

                ที่บริเวณถนนหลักของหมู่บ้านที่มีร้านค้าที่ขายภาพวาด  ผ้า  เครื่องใช้ในครัวเรือน  เครื่องประดับ  วัตถุโบราณ  และงานฝีมือต่างๆ  ที่คัดสรรมาแล้ว  ดังนั้นตลาดที่นี่จึงเหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาไปตามแหล่งช้อปปิ้งอื่น  เพราะที่นี่ที่เดียวก็สามารถหาซื้อทุกอย่างที่ต้องการ  แต่ราคาจะค่อนข้างสูงกว่าการไปที่แหล่งผลิต

                เกียนยาร์  เป็นที่ที่ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องผ้าอย่างมาก  เนื่องจากมีโรงงานทอผ้าอยู่หลายแห่งนอกจากจะได้เลือกซื้อผ้าแล้ว  ก็ยังได้มีโอกาสชมวิธีการทอผ้าด้วย

                เทงกะนัน  เป็นเพียงหมู่บ้านเดียวในบาหลีซึ่งมีการทอผ้าเกริงซิง  ที่ต้องใช้ความชำนาญอย่างมาก  และมีกรรมวิธีต่างๆ  ที่ซับซ้อนจึงทำให้ราคาค่อนข้างสูง  นอกจากนั้นยังมีตะกร้าสานลายลัฃะเอียด  เป็นเอกลักษณ์พิเศษด้วย

                กลุงกุง  สำหรับผู้ที่ต้องการเลือกชมเลือกซื้อสินค้าประเภทวัตถุโบราณ  เช่น  กริช  โสร่ง  เป็นต้น  เนื่องจากที่นี่จะมีร้านค้าวัตถุโบราณที่เก่าแก่ที่สุดของบาหลี  รวมไปถึงทอง  22  กะรัต  ซึ่งออกแบบอย่างงดงามด้วย  ที่หมู่บ้านติฮิงกัน  (Tihingan)  ยังเป็นศูนย์กลางการทำฆ้องที่ใช้เล่นในวงดนตรีแบบดั้งเดิมของบาหลี

                โบนา  หมู่บ้านนี้เป็นหม่บ้านซึ่งมีการปลูกไผ่เป็นจำนวนมาก  ดังนั้นที่นี่จึงเป็นแหล่งผลิตสินค้าที่ทำจากไผ่มากมาย  ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน  หรือเสื่อ  ฯลฯ  นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์จากใบไผ่ซึ่งนำมาทำเป็นหมวก  กระเป๋า  และรองเท้า

                เบดูกัลป์  เนื่องจากเป็นบริเวณที่เป็นภูเขาอากาศจึงเย็นสบายกว่าเขตอื่นๆ  บริเวณนี้จึงมีการทำไร่ทำสวน  ดังนั้นที่ตลาดจึงมีผลไม้เมืองหนาวสดๆ  วางขายเป็นจำนวนมาก  ในราคาย่อมเยา

                ห้างสรรพสินค้า  ที่ขึ้นชื่อคือห้างมาตาฮารีมีสินค้าขายมากมายตามแบบห้างสรรพสินค้าทั่วไปรวมทั้งซุปเปอร์มาร์เก็ต  ที่จะหาซื้อเครื่องดื่มและผลไม้ได้ในราคายุติธรรม  ห้างมาตาฮารีมีหลายสาขาทั้งที่กูต้า  เดนปาซาร์  นูซาดูอา  ฯลฯ 

                ร้านสินค้าปลอดภาษี  มีอยู่ที่กูต้า  ซานูร์  และนูซาดูอา  กับที่สนามบิน  มีสินค้ามากมายรวมทั้งของที่ระลึก  เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบความวุนวายและน่าเบื่อกับการต่อรองสินค้ากับพ่อค้าแม่ค้า  แต่ราคาสินค้าจะสูงกว่าตามตลาดข้างนอกมาก

                ตลาดบริเวณหน้าสถานที่ท่องเที่ยว   สถานที่ท่องเที่ยวหลายๆ  แห่ง  เช่น  ทานาลอต  และเทมปักเซรง  จะมีแผงขายของที่ระลึกอยู่มากมาย  ซึ่งมักจะต่อรองราคากันได้อย่างสนุกสนาน  แต่ระวังตรวจตราคุณภาพสินค้าให้ดีด้วย

กิจกรรมต่างๆ  ในบาหลี

เที่ยววัดและเทศกาล

                บาหลีมีวัดทั้งสิ้นเกือบ  20,000  วัด  ทุกวัดมีสถาปัตยกรรมที่งดงามน่าชม  และจะยิ่งงน่าชมขึ้นไปอีกหากเดินทางไปไหนช่วงที่มีเทศกาลซึ่งคนบาหลีจะแต่งตัวแบบพื้นเมืองสวยงามทูนของบูชามาประกอบพิธีที่วัด  หรือถ้าเป็นวัดในเมืองรอบนอก  ก็อาจได้เห็นขบวนแห่ถือร่มทองเดินผ่านมาในนาข้าวซึ่งเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก

                ในการเข้าชมวัดส่วนใหญ่จะเสียค่าเข้าชมราว  1,000  รูเปียห์  หรือตามแต่ที่กำหนด  วัดบางที่ซึ่งไม่ใช่วัดที่นักท่องเที่ยวไม่นิยมไปกันมากๆ  ก็อาจบอกเพียงให้บริจาคตามศรัทธา  ซึ่งก็ควรบริจาคให้ในอัตราเดียวกัน

                เนื่องจากเวลาเข้าวัดต้องแต่งกายสุภาพและมีผ้าคาดเอว  ถ้าตั้งใจจะออกทัวร์วัดอย่างจรืงจังควรหาซื้อผ้าโสร่งและมีผ้าคาดเอวของตนเองไปด้วยจะได้ไม่ต้องเช่าหรือหยิบยืมให้ยุ่งยาก

สปา

                อีกรูปแบบของการพักผ่อนซึ่งปัจจุบันได้รับการนิยมเป็นอยางมาก  บรรยากาศที่สปาของบาหลีนั้นแวดล้อมด้วยธรรมชาติ  การตกแต่งพื้นพื้นโดยรอบด้วยหินสลักงดงามเพื่อการลงไปแช่ตัวในบ่อน้ำวนที่หอมกรุ่น  นอกจากจะได้รับความสบายกายยังจะได้รับความสบายใจกลับออกมาด้วย

                ด้วยกรรมวิธีดั้งเดิมของชาวบาหลีโดยการใช้สมุนไพรแบบบาหลีที่มีชื่อเรียกว่า  ลูลูร์  (Lulur)  ผนวกกับส่วนประกอบที่นิยมในปัจจุบันเช่นน้ำมันหอมนานาชนิด  สปาแบบบาหลีจึงมีชื่อเสียงก้องโลก

                นอกจากนี้ยังมีการนวดตัวแบบชาวบาหลีที่สืบทอดกันมาเป็นเวลานาน  ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ  ช่วยให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้น  ระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆ  สัมพันธ์กัน  ช่วยล้างพิษในร่างกายด้วย  และมีการขัดตัวด้วยสมุนไพร  ทำให้ผิวพรรณสดใสขึ้น

                โรงแรมชั้นหนึ่งในบาหลีปัจจุบันมักมีบริการสปาควบคู่ไปด้วยเสมอ  แต่ก็มีสปาเอกชนอื่นๆ  ด้วยเช่นกัน  สามารถเข้าไปใช้บริการได้ในราคาที่ไม่สูงนัก

กอล์ฟ

                นักกอล์ฟชาวญี่ปุ่นมักมาพักผ่อนและเล่นกอล์ฟกันมาก  บาหลีมีสนามกอล์ฟระดับมาตรฐาน  18  หลุมอยู่  3  สนามคือ

  1. Bali  Handara  Kosaido  Country  Club  ที่เบดูกัล  ซึ่งอยู่ห่างจากเดนปาซาร์ไป  2  ชั่วโมง  บนเขาซึ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเล  1,000  เมตร  ทำให้อากาศเย็นสบายตลอดปี  ค่ากรีนฟีราว  100  เหรียญสหรัฐฯ 
  2. Bali  Golf  Country  Club  ที่นูซาดูอาร์มีโรงแรมชั้นหนึ่งอยู่โดยรอบหลายโรงแรม  ค่ากรีนฟี  150 เหรียญสหรัฐฯ
  3. Nirwana  Bali  Golf  Club  ตั้งอยู่ริมทะเลใกล้วัดทานาลอต  ออกแบบโดยเกร็ก  นอร์แมน  เป็นสนามกอล์ฟสำหรับสมาชิกเท่านั้น  แต่บุคคลทั่วไปสามารถไปเล่นได้ในวันธรรมดา  ค่ากรีนฟีราว  100  เหรียญสหรัฐฯ

ล่องเรือ  (Sailing  and  Cruises) 

                การล่องเรือชมความงามของทะเลบาหลีจะมีบริการประจำไปยังนูซาเล็มบองกัน  โดยใช้เวลาเต็มวัน  เกาะนี้มีขนาดประมาณ  3x3  กิโลเมตร  เป็นเกาะที่ค่อนข้างสงบ  นักท่องเที่ยวไม่มากนัก  มีชายฝั่งที่สวยงามและมีปะการังนานาชนิด  เหมาะกับการดำน้ำ  ค่าโดยสารใหญ่เที่ยวละ  35  เหรียญสหรัฐฯ  เรือเล็ก  (จากนูซาร์)  คนละ  30,000  รูเปียห์  ใช้เวลาราว  90  นาที

                นอกจากนี้ยงบริการเรือพาไปยังนูซาเปนิดา  ซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดใกล้เกาะบาหลี  อยู่ทางชายฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นอีกจุดหนึ่งที่นิยมมาดำน้ำกันมาก  แต่ที่ควรระวังคือกระแสน้ำ  หากจะดำน้ำหรือลงไปกันหลายๆ  คน  ค่าโดยสารจากเรือเล็กจากซานูร์  คนละ  45,000  รูเปียห์

                บริษัทที่ให้บริการเรือคือ  Bali  Hai  Cruises  อยู่ที่  Benoa  Harbour  โทรศัพท์  (62-361)720331  เว็บไซต์  www.bali-paradise.come/balihai

กระดานโต้คลื่น  (Surfing)

                ด้วยสภาพอากาศและความเหมาะสมของน้ำทะเลบาหลี  ทำให้ที่นี่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับกิจกรรมทางน้ำต่างๆ  ซึ่งการเล่นกระดานโต้คลื่นก็เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่หลงใหลการโต้คลื่นให้มาเยือนทะเล  เนื่องจากมีตั้งแต่คลื่นลูกเล็กๆ  ให้ผู้ที่ยังไม่เคยเล่นได้หัด  ไปจนกระทั่งคลื่นลูกโตที่นักโต้คลื่นต่างใฝ่ฝันจะได้เข้าไปสัมผัสรวมทั้งชายฝั่งที่กางมุม  360  องศา  นักโต้คลื่นจะสามารถไปทางใดก็ได้ตามต้องการ  แต่อย่างไรก็ตามควรตรวจสอบสภาพอากาศเมื่อจะลงเล่น  และควรระวังกระแสน้ำเชี่ยวกราดด้วย  ทางที่ดีควรเลือกเล่นบริเวณที่มีการ์ดคอยเฝ้า

                อุปกรณ์การโต้คลื่นก็มีให้เลือกซื้อเลือกหาหรือเช่าได้ตามชายหาดทั่วไป  โดยบริเวณที่เหมาะต่อการโต้คลื่นจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศและความสามารถของผู้เล่น  คือ

                ช่วงฤดูร้อน

                ระดับ  Beginner  :  หาดกูต้า  หรือเลเกียน

                ระดับ  Intermedaite  :  หาดชางกู,  นอกฝั่งกูต้า

                ระดับ  Advaned  :  อูลูวาตู,  ปาดัง,  บิงกิน

                ช่วงฤดูฝน

                ระดับ  Beginner  :  ซานูร์,  นูซาดูอา,  จิมบารัน

                ระดับ  Intermediate  and  Advanced  :  นูซาดูอา,  นอกฝั่งซานูร์

ดำน้ำ

                เป็นกิจกรรมยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงบาหลี  แม้แต่ผู้ยังไม่เคยลองก็ควรต้องมาลองที่นี่  เนื่องจากมีปะรัง  สาหร่าย  และพืชทะเลหลากหลายชนิดที่มีสันสวยงามสะดุดตาหากเป็นการดำน้ำแบบผิวน้ำหรือดำน้ำแบบใส่ถังอากาศก็จะได้ชมความงามดังกล่าวอย่างจุใจ  แต่หากดำลงไปยังน้ำลึกก็จะได้สัมผัสกับชีวิตสัตว์ใต้ทะเลอย่างใกล้ชิดด้วย

                อุปกรณ์ในการดำน้ำจะมีให้เช่าอยู่ตามชายหาดทุกๆ  แห่ง  และจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ  หากต้องการความมั่นใจให้ขอดู  PADI  Resort  Cord  ซึ่งเป็นสิ่งรับรองความปลอดภัยของบริเวณดำน้ำ  รวมทั้งการดูแลรักษาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวด้วย  ถ้าเป็นระดับห้าดาวได้ก็ยิ่งดี

 

                บริเวณที่นิยมไปดำน้ำกันได้แก่

                ซานูร์และนูซาดูอาร์  เหมาะสำหรับนักดำน้ำมือใหม่  หรือคนที่ไม่มีเวลามากนัก

                อาเม็ด  (Amed)  เพิ่เป็นที่รู้จักจึงยังไม่พลุกพล่านนัก  ทะเลค่อนข้างเรียบตลอดทั้งปี  และกระแสน้ำไม่แรงงมากนัก

                ทูลัมเบน  (Tulambrn)  อยู่ทางตะวันออกของเกาะ  เป็นเขตที่จะลงน้ำได้โดยการเดินลงจากหาดไปเลย

                เกาะเมนจังกัน  (Menjangan  Island/Deer  Island)  อยู่ทางตะวันตกของเกาะ  เป็นแหล่งดำน้ำที่ใต้ทะเลงดงามมาก  มีทั้งธรรมชาติใต้น้ำและจุดเรือจม  เคยมีการพบเจอวาฬ  ฉลามวาฬและกระเบนแมนตาบ่อยครั้ง

                เกาะนูซาเปนิดาและเกาะบริเวณใกล้เคียง  (Nusa  Penisa-Nusa  Lembongan-Nusa  Ceningan)

                ฝั่งทะเลตอนกลางที่กิลิเทเปกง  และกิลิมิมปัง  มีสัตว์น้ำหลากหลายและปะการังสวยงาม แต่ทะเลไม่ค่อยสงบนักและทัศนวิสัยมักจะไม่ค่อยดี

กิจกรรมทางน้ำอื่นๆ

พาราเซลลิ่ง  (Parasailing)

                นักท่องเที่ยวสามารถเลือกชมวิวของชายฝั่งทะเลบาหลีได้โดยการเล่นพาราเซลลิ่งก็จะเห็นความงามของชายฝั่งทะเลแบบหนึ่งที่ได้ทั้งความสนุกและตื่นเต้นไปพร้อมกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามสามารถติดต่อได้ที่บริษัทที่ให้บริการซึ่งตั้งอยู่บริเวณหาดซานูร์  โดยควรเลือกบริษัทที่น่าไว้ใจ  มีการรับประกันความปลอดภัย

เจ็ตสกี

                หากชอบความเร็ว  เจ็ตสกีก็เป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก  มีให้เช่าที่หาดซานูร์  หาดนูซาดูอา  และที่ตันจุงเบอนัว

ล่องแก่ง

                นอกจากกิจกรรมที่เล่นในทะเลแล้  ยังมีกิจกรรมทางน้ำที่เล่นในแม่น้ำด้วยคือการล่องแก่งบรเวณ  Telaga  Waja,  Unda  และแม่น้ำ  Agung  ซึ่งก็จะได้ความหวาดเสียวพอประมาณ  ติดต่อได้ที่  Bali  International  Rafting

พายเรือคายัก

                หากไม่ชอบกิจกรรมที่ตื่นเต้นหวาดเสียวอาจจะเลือกการพายเรือชมวิวทิวทัศน์ก็ได้บรรยากาศอีกแบบหนึ่ง  สามารถไปเช่าเรือคายักได้ที่ทะเลสาบต่างๆ  เช่น  ทะเลสาบตัมบลิงงัน  เป็นต้น

กิจกรรมท้าทาย

                บันจี้จั้มพ์  ผู้ที่ชอบความท้าทายแต่ไม่ชอบที่จะเปียก  ก็มีกีฬาภาคพื้นดินให้เล่นด้วยบันจี้จั้มพ์ส่วนมากจะบริวณกูต้า

                โกคาร์ต  เล่นได้ทั้งเด็กและใหญ่  ให้ความสนุกสนานไม่แพ้กิจกรรมอย่างอื่น  มีให้เล่นที่กูต้า  เช่นกัน

ข้อเตือนใจในการเที่ยวบาหลี

-                   ทาครีมกันแดดเสมอเมื่อออกจากที่พักเนื่องจากแดดแรงมาก  โดยเฉพาะเมื่อลงน้ำ

-                   ดื่มน้ำมากๆ  เพื่อร่างกายจะได้สดชื่นไม่เพลียจากการสูญเสียน้ำ

-                   ระวังรักษาสิ่งของมีค่าที่อยู่กับตัวเสมอเนื่องจากมีผู้ไม่หวังดีเป็นจำนวนมาก  โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวที่คนเยอะเอกสารสำคัญหรือของมีค่าควรเก็บไว้ในตู้เซฟของโรงแรม  และกระเป๋าที่พกติดตัวก็ควรจะมิดชิดเช่นกัน

-                   ควรมีสำเนาพาสปอร์ตติดตัวไปด้วยเสมอ 

-                   เมื่อลงไปว่ายน้ำอย่าออกไปว่ายนอกเขตที่กำหนดไว้  เนื่องจากกระแสน้ำจะแรงมากให้ว่ายในบริเวณระหว่างธงแดงและธงเหลือง

-                   อย่าพกพาหรือเสพยาเสพติดใดๆ  ทั้งสิ้นหากถูกตรวจพบอาจถูกจำคกไปจนกระทั้งประหารชีวิต

-                   อย่าเดินเหยียบเครื่องบูชาที่วางไว้ตามพื้น

-                   อย่าแตะศีรษะผู้อื่น  เนื่องจากเป็นสิ่งไม่สมควรอย่างยิ่งสำหรับศาสนาฮินดู  นอกจากนั้นจะต้องไม่รับส่งของด้วยมือซ้ายซึ่งที่บาหลีถือว่าเป็นมือสำหรับชำระล้างในห้องน้ำ

-                   สำหรับผู้หญิงห้ามเข้าวัดหากอยู่ในระหว่างมีประจำเดือน

-                   ในการเข้าชมวัดต้องแต่งตัวเรียบร้อยใส่เสื้อมีแขน  ไม่เปิดไหล่  ไม่ใส่กางเกงขาสั้น  หรือกระโปรงสั้น  ไม่เช่นนั้นจะต้องนุ่งโสร่ง  ซึ่งวัดใหญ่ๆ  จะมีให้เช่า  และทุกคนต้องใช้ผ้าคาดเอวซึ่งส่วนมากจะให้บริการฟรี  แต่มักมีการเก็บเงินทางที่ดีถ้ามีโปรแกรมเข้าวัดเยอะๆ  ก็ควรพกผ้าคาดเอวส่วนตัวไปเลย

-                   หากเข้าไปในวัดขณะที่กำลังมีพิธีไหว้อยู่ควรนั่งชมอยู่ห่างๆ  และไม่ยืนค้ำคนที่นั่งไหว้อยู่หรือยืนค้ำเครื่องบูชา  อีกทั้งไม่ควรถ่ายรูปโดยใช้แฟลช

-                   ก่อนจะซื้อสินค้าให้ตรวจสอบราคาที่ตกลงกันไว้ให้ดีก่อนทางที่ดีควรพกเครื่องคิดเลขติดตัวไว้ด้วยจะช่วยได้มาก  และอย่าลืมต่อรองราคาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

-                   ตรวจสอบเมื่อแลกเงินและแลกเงินเฉพาะกับธนาคารหรือร้านรับแลกเงินที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการเท่านั้น  เพราะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเจอปัญหาเรื่องโดนโกงโดยให้แลกเงินกลับมาไม่ครบ  อย่าเห็นแก่อัตราแลกเปลี่ยนที่สูงกว่าร้านอื่นเพราะอาจเสียเงินไปมากว่าที่คิดว่าจะได้  ควรใช้เครื่องคิดเลขของตัวเองคิดคำนวณเงิน  อย่าไว้ใจตัวเลขที่ร้านรับแลกคิดให้ดู

-                   หากคนขายของตามร้านข้างทางเรียกให้ซื้อของ  ถ้าไม่ต้องการซื้อก็อย่าไปต่อรองราคาเล่นๆ  ให้กล่าวว่า  “No,  thank  you”  แล้วเดินไปเสีย  เพราะถ้าต่อแล้วไม่เอาอาจเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้

ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ  โดยเฉพาะตามวัด  อาจมีคนท้องถิ่นมาอ้างว่าจะเข้าเที่ยวสถานที่นั้นๆ  ได้เฉพาะมีไกด์นำไปเท่านั้น  และเรียกร้องค่านำเที่ยวเป็นจำนวนเงินต่างๆ  กัน  ซึ่งเป็นเรื่องน่ารำคาญและอาจทำให้มีปัญหาได้ถ้าไม่ใช่นักพจญภัยที่พร้อมลุยทุกสถานการณ์การจ้างไกด์ท้องถิ่นอย่างเป็นทางการพร้อมรถบริการก็เป็นวิธีหนึ่งที่

Tags : ข้อมูลเที่ยวบาหลี เกาะบาหลี ทัวร์บาหลี แพ็คเกจทัวร์บาหลี แพคเกจบาหลี

view